คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 534/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เช็คพิพาทเป็นเช็คที่ออกให้แก่ผู้ถือ จำเลยให้การว่าจำเลยเพียงแต่ลงลายมือชื่อในเช็คพิพาทโดยไม่ได้กรอกข้อความแล้วมอบให้ อ.ไปชำระหนี้แทนมารดาสามีจำเลยปรากฏว่ามีผู้ไปชำระหนี้ดังกล่าวแล้ว จำเลยจึงขอเช็คพิพาทคืนจาก อ.แต่ อ.แจ้งว่าเช็คพิพาทหายไป ตามคำให้การของจำเลยไม่ได้ระบุว่ามอบเช็คพิพาทให้ อ.ไปชำระหนี้เป็นจำนวนเงินเท่าใด ซึ่งเป็นสารสำคัญเพราะถ้า อ.หรือผู้ใดก็ตามกรอกจำนวนเงินลงในเช็คพิพาทเท่ากับจำนวนเงินที่เป็นหนี้ ย่อมถือไม่ได้ว่าเป็นการปลอมเอกสารคำให้การของจำเลยในข้อนี้จึงไม่ชัดแจ้งและที่จำเลยให้การต่อไปว่าได้มีการกรอกข้อความในข้อสำคัญลงในเช็คพิพาทโดยปราศจากอำนาจโดยจำเลยมิได้รู้เห็นยินยอมด้วยหรือโดยฝ่าฝืนคำสั่งของจำเลยจำเลยก็ไม่ได้ระบุให้ชัดแจ้งว่าจำเลยมีคำสั่งอย่างไร ไม่อาจทราบได้ว่าการกรอกข้อความในเช็คพิพาทนั้นฝ่าฝืนคำสั่งของจำเลยหรือไม่คำให้การของจำเลยจึงไม่แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งเหตุแห่งการนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177วรรคสองจำเลยจึงไม่มีสิทธินำพยานมาสืบตามที่ให้การต่อสู้ไว้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็คจากจำเลยผู้สั่งจ่ายและเป็นเช็คที่ออกให้แก่ผู้ถือจำนวนเงิน 40,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายจำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับโจทก์ จำเลยลงชื่อในเช็คพิพาทโดยไม่ได้กรอกข้อความในเช็คแล้วมอบให้นางอำนวยพรซึ่งเป็นญาติของจำเลยนำไปชำระหนี้แทนมารดาสามีจำเลยแต่ปรากฏว่ามีผู้ชำระหนี้ดังกล่าวไปแล้ว จำเลยขอเช็คพิพาทคืนแต่ได้รับแจ้งว่าเช็คพิพาทหายไปแล้ว จำเลยจึงไปแจ้งความและแจ้งไม่ให้ธนาคารใช้เงินตามเช็คได้มีการกรอกข้อความข้อสำคัญในเช็คพิพาทโดยปราศจากอำนาจและจำเลยมิได้รู้เห็นยินยอมด้วยหรือโดยฝ่าฝืนคำสั่งของจำเลย เช็คพิพาทจึงไม่มีมูลหนี้ จำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลย และพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน40,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยให้การว่าจำเลยเพียงแต่ลงลายมือชื่อในเช็คพิพาทโดยไม่ได้กรอกข้อความลงในเช็คแล้วมอบให้นางอำนวยพรไปชำระหนี้แทนมารดาสามีจำเลย ปรากฏว่ามีผู้ไปชำระหนี้ดังกล่าวแล้ว จำเลยจึงขอเช็คพิพาทคืนจากนางอำนวยพรแต่นางอำนวยพรแจ้งว่าเช็คพิพาทหายไป เห็นว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสอง บัญญัติว่า “ให้จำเลยแสดงโดยชัดแจ้งในคำให้การว่า จำเลยยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วน รวมทั้งเหตุแห่งการนั้น”ตามคำให้การของจำเลยไม่ได้ระบุว่ามอบเช็คพิพาทให้นางอำนวยพรไปชำระหนี้แทนมารดาสามีจำเลยเป็นจำนวนเงินเท่าใด ซึ่งเป็นสารสำคัญ เพราะถ้าจำเลยมอบให้นางอำนวยพรไปชำระหนี้ 40,000 บาท การที่นางอำนวยพรหรือผู้ใดก็ตามกรอกจำนวนเงิน 40,000 บาท ลงในเช็คพิพาท ย่อมไม่ถือว่าเป็นการปลอมเอกสาร คำให้การของจำเลยในข้อนี้จึงไม่ชัดแจ้งว่าเป็นการให้การต่อสู้ว่าเช็คพิพาทเป็นเช็คปลอม นอกจากนี้จำเลยให้การต่อไปว่า ได้มีการกรอกข้อความในข้อสำคัญลงในเช็คพิพาทโดยปราศจากอำนาจ โดยจำเลยมิได้รู้เห็นยินยอมด้วยหรือโดยฝ่าฝืนคำสั่งของจำเลยเห็นว่าคำให้การของจำเลยข้อนี้ไม่ชัดแจ้งเพราะไม่ได้ระบุว่าจำเลยมีคำสั่งว่าอย่างไรจึงไม่อาจทราบได้ว่าการกรอกข้อความในเช็คพิพาทนั้นฝ่าฝืนคำสั่งของจำเลยหรือไม่ดังนั้นคำให้การของจำเลยจึงไม่แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งเหตุแห่งการนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง จำเลยจึงไม่มีสิทธินำพยานมาสืบตามที่ให้การต่อสู้ไว้

พิพากษายืน

Share