คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 534/2480

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การเช่าต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือฉะเพาะแต่อสังหาริมทรัพย์เท่านั้น
หุ้นส่วน 2 คนไปทำสัญญาเช่าเรือเขามา เพื่อการค้าของหุ้นส่วน ผู้เป็นหุ้นส่วนอื่นก็ต้องรับผิดต่อสัญญาเช่านั้นด้วยคดีแพ่งที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินเกินสองพันบาทนั้นแม้ศาลเดิมและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้จำเลยใช้เงินเพียงพันบาทเศษจำเลยก็ฎีกาในข้อเท็จจริงได้

ย่อยาว

ได้ความว่าจำเลยทั้ง ๓ เป็นหุ้นส่วนกันทำการค้าขาย จำเลยที่ ๒-๓ เป็นผู้ไปเช่าเรือของโจทก์ เมื่อเวลาส่งคืนเรือจำเลยที่ ๑ ก็ได้ลงนามในหนังสือขอส่งคืน และค่าเช่าที่ค้างจำเลยที่ ๑ ก็ผัดชำระการเช่าไม่ได้ทำเป็นหนังสือ โจทก์ฟ้องเรียกค่าเช่ากับค่าเสียหายรวม ๒๔๐๕ บาท
ศาลเดิมและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้จำเลยทั้ง ๓ ชำระค่าเช่า ๑๑๖๐ บาท
จำเลยที่ ๑ ฎีกาทั้งในข้อเท็จจริงแลข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับศาลล่าง ส่วนในข้อกฎหมายนั้นเห็นว่า การเช่าเรือไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ การเช่าต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือฉะเพาะอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น และจำเลยที่ ๑ ต้องรับผิดในสัญญาเช่าร่วมกับจำเลยที่ ๒-๓ ด้วยตามประมวลแพ่ง ฯ ม.๑๐๕๐ จึงพิพากษายืนตามศาลล่าง

Share