คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5338/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ในขณะที่ศาลอุทธรณ์พิจารณาฟ้องอุทธรณ์โจทก์ในคดีที่โจทก์ขอให้ยกคดีสำหรับจำเลยที่2ขึ้นพิจารณาใหม่นั้นศาลอุทธรณ์ยังมิได้พิจารณาพิพากษาอุทธรณ์โจทก์ที่ขอให้ประทับฟ้องจำเลยทั้งสองตามฟ้องโจทก์ก็ตามแต่ปรากฏว่าหลังจากนั้นศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาให้ยกฟ้องจำเลยที่2แล้วและคดีถึงที่สุดโดยศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ที่ขอให้ศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นให้ประทับฟ้องดังนั้นการที่โจทก์ฎีกาฉบับนี้เพื่อขอให้ยกคดีของโจทก์สำหรับจำเลยที่2ขึ้นพิจารณาใหม่นั้นจึงไม่มีคดีของโจทก์สำหรับจำเลยที่2ที่จะให้ยกขึ้นพิจารณาใหม่ได้ฎีกาโจทก์จึงไม่มีประโยชน์แก่คดีที่จะวินิจฉัยต่อไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157, 161, 188, 264, 265, 268, 83, 84, 90, 91และมาตรา 59
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว มีคำสั่งว่าคดีโจทก์มีมูลเฉพาะจำเลยที่ 2 ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157ให้ประทับฟ้องจำเลยที่ 2 ไว้พิจารณา ส่วนข้อหาอื่นและจำเลยที่ 1ให้ยกฟ้อง หมายเรียกจำเลยที่ 2 มาศาล และนัดสืบพยานโจทก์ในวันเดียวกัน โดยนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 16 มีนาคม 2535เวลา 13.30 นาฬิกา
เมื่อถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยที่ 2 และทนายจำเลยที่ 2มาศาล ส่วนโจทก์และทนายโจทก์ไม่มาศาล ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 ประกอบด้วยมาตรา 181
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องเพราะโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ที่ขอให้ยกคดีสำหรับจำเลยที่ 2 ขึ้นพิจารณาใหม่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยให้
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่า การที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาตามอุทธรณ์โจทก์ที่โจทก์ขอให้ยกคดีสำหรับจำเลยที่ 2ขึ้นพิจารณาใหม่โดยเห็นว่าอุทธรณ์โจทก์ไม่เป็นสาระแก่คดีเป็นการไม่ชอบ เพราะศาลอุทธรณ์ยังมิได้พิจารณาพิพากษาคดีตามอุทธรณ์โจทก์ฉบับลงวันที่ 10 มีนาคม 2535 และที่ขอแก้ไขฟ้องอุทธรณ์ฉบับลงวันที่ 11 มีนาคม 2535 การที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกขึ้นวินิจฉัยว่า เมื่อศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายกฟ้องเพราะโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองดังกล่าว จึงเป็นเรื่องการรับฟังพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงนอกสำนวนนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าแม้ในขณะที่ศาลอุทธรณ์พิจารณาฟ้องอุทธรณ์โจทก์ในคดีที่โจทก์ขอให้ยกคดีสำหรับจำเลยที่ 2 ขึ้นพิจารณาใหม่นั้น ศาลอุทธรณ์ยังมิได้พิจารณาพิพากษาอุทธรณ์โจทก์ที่ขอให้ประทับฟ้องจำเลยทั้งสองตามฟ้องโจทก์ก็ตาม แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้นศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 แล้ว และคดีถึงที่สุดโดยศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ที่ขอให้ศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นให้ประทับฟ้อง ดังนั้น การที่โจทก์ฎีกาฉบับนี้เพื่อขอให้ยกคดีของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ขึ้นพิจารณาใหม่นั้น จึงไม่มีคดีของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ที่จะให้ยกขึ้นพิจารณาใหม่ได้ ฎีกาโจทก์จึงไม่มีประโยชน์แก่คดีที่จะวินิจฉัยต่อไปเมื่อวินิจฉัยเช่นนี้แล้วปัญหาอื่นตามฎีกาโจทก์ไม่จำต้องวินิจฉัย
ให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความของศาลฎีกา

Share