คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 533/2477

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตึกหลังเดียวแต่แบ่งเป็นตอน ๆ ทางตอนใช้เป็นที่อยู่บางตอนใช้ทำ การค้าขายนั้นต้องเสียค่าภาษีฉะเพาะตอนที่ใช้ค้าขาย

ย่อยาว

คดีได้ความว่า โจทก์เป็นเจ้าของตึกเลขที่ ๒๗๔ -๒๘๑-๒๘๓ ตึกนี้เป็น ๓ ตอน ตอนหน้าริมถนนสูง ๓ ชั้น ตอนกลางถัดเข้าไปข้างสูง + ชั้น แลตอนหลังสูง ๒ ชั้น ทั้ง ๓ ตอนมีผนังติดต่อเป็นตึกเดียวกัน ตึกตอนหน้าฉะเพาะชั้นล่างน้องขายโจทก์ทำการค้าขาย ส่วนตอนอื่น ๆ โจทก์ใช้เป็นที่อยู่อาศัยโจทก์เคยเสียภาษีโรงร้านปีละ ๖๐ บาท แต่ในปี พ.ศ. ๒๔๗+ เจ้าพนักงานไปประเมินเรียกค่าภาษีโจทก์เป็นเงิน ๑++ บาท ๘๒ สตางค์ ตามพ.ร.บ.ภาษีโรงเลือนและที่ดิน พ.ศ.๒๔๗๕ โดยคิดประเมินค่าภาษีตลอดทุกตอนและทุกขั้นหมดทั้งหลัง โจทก์จึงยื่นคำร้องต่อจำเลยผู้เป็นอธิบดีกรมสรรพากรขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ จำเลยสั่งว่าการประเมินถูกต้องแล้ว โจทก์จึงฟ้องคดีนี้ขอเรียกเงินซึ่งชำระไปแล้วคืน ๑++ บาท ๘๒ สตางค์ จากจำเลย
ศาลฎีกาเห็นว่าตามพ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนแลที่ดิน พ.ศ.๒๔๗๕ ม.๑๐ ที่ยังไม่ได้แก้ไขนั้น แม่บ้านเรือนที่เจ้าของใช้เป็นที่อยู่ไม่ได้ใช้ในการค้าขายก็จำต้องเสียภาษี แต่ตาม ม.๑๐ ที่ได้แก้ไขใหม่บัญญัติว่าโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างออกเป็นห้อง ๆ หรือชั้น ๆ ดังที่จำเลยโต้เถียงก็ดี ศาลฎีกาเห็นว่าตาม ม.๘ อันว่าด้วยการประเมินค่ารายปี เจ้าพนักงานคิดค่าภาษีโดยวิธีคำณวนเอาจากค่าเช่าที่เจ้าของโรงเรือนควรจะได้รับจริงเป็นเกณฑ์จะเรียกว่าเป็นการเสียภาษีฉะเพาะส่วนหรือหมดทั้งหลังก็ตาม วิธีคำณวนค่าภาษีก็ไม่ผิดกัน จึงพิพากษายืนตามศาลล่างให้จำเลยคืนเงินค่าภาษีตามฟ้องโจทก์

Share