คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 53/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่า มีอัตราค่าเช่าเดือนละ 60 บาท จำเลยให้การและแถลงรับในรายงานพิจารณาว่า เช่ากัน 60 บาทจริง แต่โจทก์เพิ่งมาขึ้นค่าเช่า เดิมเสียค่าเช่าเดือนละ 30 บาท ดังนี้ เมื่อจำเลยไม่นำสืบให้ได้ความว่าโจทก์ขึ้นค่าเช่าเมื่อใดแล้ว ก็ต้องฟังว่าคิดค่าเช่ากันเดือนละ 60 บาท มาตั้งแต่ก่อนวันที่ 8 ธันวาคม 2484 แล้ว จำเลยจึงไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ 2486
บอกเลิกการเช่าเคหะ ก่อนใช้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯลฯ 2489 แล้ว ผู้เช่าย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.นั้น ตามที่วินิจฉัยไว้ในฎีกาที่ 740/2490.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ได้ให้จำเลยเช่าห้องแถวรวม ๓ คูหา แต่เปิดฮล่งตลอดเป็นคูหาเดียว ค่าเช่าเดือนละ ๖๐ บาท โจทก์บอกเลิกการเช่าแล้ว จำเลยไม่ยอมออก จึงขอให้ขับไล่
จำเลยให้การว่า เช่าอยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่ค่าเช่าอัตราห้องละ ๑๐ บาท โจทก์เพิ่งขึ้นค่าเช่าเป็นห้องละ ๒๐ บาท จึงได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ในคำให้การจำเลยและในรายงานที่จำเลยรับต่อศาล กล่าวเพียงว่า โจทก์เพิ่งขึ้นค่าเช่า ไม่แน่ชัดว่า ขึ้นค่าเช่าเมื่อใด ก่อนหรือหลังวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๔๘๔ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯลฯ เป็นกฎหมายพิเศษที่ตัดสินตามธรรมดาของเจ้าหน้าที่ ฉะนั้นเมื่อจำเลยอ้างว่าได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ. นี้ จำเลยก็ต้องนำสืบให้ได้ความชัดกระจ่าง แต่จำเลยไม่สืบในข้อนี้ จึงฟังไม่ได้ว่าการเช่ารายนี้อยู่ในความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯลฯ ๒๔๘๖ และ ๒๔๘๘ จึงพิพากษากลับให้ขับไล่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่าเคหะที่จำเลยเช่ามีค่าเช่าเดือนละ ๖๐ บาท เป็นการชอบแล้ว จำเลยไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ ๒๔๘๖ ส่วน พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯลฯ ๒๔๘๙ ก็ไม่คุ้มครองจำเลย เพราะโจทก์บอกเลิกการเช่าก่อนแล้ว จึงพิพากษายืน.

Share