แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นชี้สองสถานโดยกำหนดประเด็นหน้าที่นำสืบเพียงว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่ และฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ มิได้กำหนดประเด็นค่าเสียหายไว้ โจทก์มิได้คัดค้านหรือโต้แย้งการทักท้วงว่าไม่ถูกต้องอย่างไร ประเด็นและหน้าที่นำสืบจึงต้องเป็นไปตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดประเด็นค่าเสียหายไว้ แต่ศาลล่างทั้งสองพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีเกี่ยวกับค่าเสียหายเช่นนี้ เป็นการวินิจฉัยคดีนอกประเด็นที่ศาลกำหนดไว้ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183 เดิม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินพิพาท จำเลยนำที่ดินพิพาทไปออกน.ส.3 ก. เป็นชื่อจำเลยและเปลี่ยนเป็นโฉนดที่ดินเมื่อปี2530 และเมื่อเดือน กรกฎาคม 2531 จำเลยเข้าไปทำนาในที่ดินพิพาททำให้โจทก์เสียหาย ขอให้พิพากษาว่าที่ดินพิพาทตามโฉนดเลขที่ 4380เป็นของโจทก์ ให้จำเลยส่งมอบโฉนดและจดทะเบียนโอนที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา หากไม่ไปจดทะเบียนให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย ให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินพิพาทและห้ามเข้าไปเกี่ยวข้อง ให้จำเลยชำระค่าเสียหายทุกปีจนกว่าจำเลยและบริวารจะเลิกเกี่ยวข้อง
จำเลยให้การว่า ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย โจทก์ไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้อง ปี 2521 ทางราชการได้ออก น.ส.3 ก. ให้จำเลย จำเลยครอบครองที่ดินพิพาทมาตลอด และได้เปลี่ยนเป็นโฉนดที่ดินทางเจ้าหน้าที่ได้ประกาศและแจกโฉนดที่ดินเลขที่ 4380 ให้จำเลยโดยไม่มีผู้ใดคัดค้าน ฟ้องโจทก์ขาดอายุความและฟ้องโจทก์เคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า ที่ดินพิพาทคือที่ดินตามโฉนดเลขที่ 4380 เลขที่ดิน 229 เป็นของโจทก์ ให้จำเลยส่งมอบโฉนดและจดทะเบียนโอนที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ภายใน 15 วัน หากไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาศาลเป็นการแสดงเจตนาแทนจำเลย ให้จำเลยกับบริวารออกไปจากที่ดินพิพาทและห้ามเข้าไปเกี่ยวข้อง ให้จำเลยชำระค่าที่โจทก์ขาดรายได้จากการทำนาปี 2531 จำนวน 15,000 บาทและปีต่อไปจนกว่าจำเลยกับบริวารจะออกจากที่ดินพิพาทและเลิกเกี่ยวข้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นทำการชี้สองสถานโดยกำหนดประเด็นหน้าที่นำสืบเพียงว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์หรือไม่ และฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่เท่านั้น มิได้กำหนดประเด็นค่าเสียหายไว้ทั้งโจทก์ก็มิได้คัดค้านหรือโต้แย้งทักท้วงว่าประเด็นและหน้าที่นำสืบที่ศาลชั้นต้นกำหนดนั้นไม่ถูกต้องอย่างไร ประเด็นและหน้าที่นำสืบจึงต้องเป็นไปตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นมิได้กำหนดประเด็นค่าเสียหายไว้ แต่ศาลล่างทั้งสองพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีเกี่ยวกับค่าเสียหายเช่นนี้เป็นการวินิจฉัยคดีนอกประเด็นที่ศาลกำหนดไว้ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 183 เดิม ฎีกาของจำเลยในปัญหานี้ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอที่ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เสีย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1