แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกล่าวอ้างว่าเอกสารสัญญากู้ยืมไม่มีผลผูกพัน เพราะโจทก์จำเลยทำขึ้นเพื่อเป็นหลักฐานคุ้มครองเงินของโจทก์ที่นำไปช่วยลงทุนค้าขายน้ำแข็งก้อนกับจำเลย ดังนั้น จำเลยชอบที่จะนำพยานบุคคลมาสืบประกอบข้ออ้างเช่นนั้นได้เพราะเป็นการนำสืบว่าเอกสารกู้ยืมไม่สมบูรณ์นั่นเอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินกู้ และดอกเบี้ยรวม764,176 บาท ให้โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ย นับตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยไม่เคยกู้ยืมเงินโจทก์แต่โจทก์กับจำเลยเข้าเป็นหุ้นส่วนทำน้ำแข็งก้อนขาย โดยโจทก์เป็นฝ่ายลงทุนในวงเงิน 1,000,000 บาท ส่วนจำเลยเป็นฝ่ายลงแรงงานกำไรแบ่งคนละครึ่ง โจทก์นำเงินมาลงทุน 490,000 บาท เพื่อให้จำเลยเช่าอาคารและจัดซื้อเครื่องทำน้ำแข็ง รถบรรทุกส่งน้ำแข็งและอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเป็น จำเลยได้ใช้เงินจัดซื้อไปแล้วสิ้นเงินไปจำนวน 757,393 บาท ในการจัดซื้อนี้จำเลยได้ใช้เงินส่วนตัวของจำเลยสำรองไปก่อนจำนวน 267,393 บาท ซึ่งโจทก์รับว่าจะคืนให้จำเลย แต่ยังไม่ได้คืน โจทก์แจ้งว่า การเป็นหุ้นส่วนครั้งนี้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ จึงขอให้จำเลยทำหลักฐานว่าได้รับเงินจำนวน 757,393 บาท ไปจากโจทก์โดยโจทก์นำแบบฟอร์มสัญญาเงินกู้ไปให้จำเลยลงชื่อและรับปากว่าจะจ่ายเงินจำนวน267,393 บาท ที่จำเลยจ่ายสำรองไปคืนให้จำเลย แต่โจทก์ไม่ยอมจ่ายเงิน 267,393 บาทให้จำเลย จำเลยไม่ได้เป็นฝ่ายผิดและโจทก์ไม่ได้บอกเลิกหุ้นส่วนเมื่อสิ้นรอบปีทางบัญชี โจทก์จึงไม่มีอำนาจบอกเลิกสัญญาและไม่มีอำนาจฟ้องและไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ย ขอให้ศาลยกฟ้องและบังคับให้โจทก์ชดใช้เงิน 267,393 บาท ให้จำเลยพร้อมทั้งดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยได้รับเงินยืมจากโจทก์จำนวน 357,393 บาท จำเลยสัญญาว่าจะคืนเงินยืมเมื่อดำเนินกิจการค้าได้แล้ว ต่อมาปรากฏว่า การค้าน้ำแข็งของจำเลยดำเนินได้แล้วแต่จำเลยไม่คืนเงินแก่โจทก์ ส่วนที่จำเลยอ้างว่า ออกเงินสำรองไปนั้นไม่เป็นความจริงและไม่เกี่ยวข้องกับโจทก์ จำเลยลงชื่อในสัญญากู้ก็เพราะจำเลยยืมเงินโจทก์ไปไม่เกี่ยวกับเป็นหุ้นส่วนทั้งโจทก์ไม่เคยรับปากว่าจะชำระเงิน 267,393 บาท ให้จำเลยขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 757,393 บาทให้โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย และให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่า การที่จำเลยกล่าวอ้างว่าสัญญากู้ยืมเอกสารหมาย จ.1 ไม่มีผลผูกพัน เพราะโจทก์จำเลยทำขึ้นเพื่อเป็นหลักฐานคุ้มครองเงินของโจทก์ที่นำไปช่วยลงทุนค้าขายน้ำแข็งก้อนกับจำเลยและขอนำพยานบุคคลมาสืบประกอบข้ออ้างดังกล่าวนั้นไม่อาจทำได้ เพราะเป็นการขอสืบพยานบุคคลประกอบข้ออ้างเมื่อได้นำเอกสารสัญญากู้ยืมหมาย จ.1 มาแสดงแล้วว่ายังมีข้อความเพิ่มเติมตัดทอนหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในสัญญากู้ยืมอยู่อีกดังกล่าวต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 นั้นเห็นว่าจำเลยชอบที่จะนำพยานบุคคลมาสืบประกอบข้ออ้างเช่นนั้นได้เพราะเป็นการนำสืบว่าสัญญากู้ยืมเอกสารหมาย จ.1 ไม่สมบูรณ์นั่นเอง
พิพากษายืน