แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บุตรผู้ถูกทำร้ายตายแม้จะมีสามีแล้ว ก็มีสิทธิเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญาหรือเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการในคดีที่ฟ้องผู้ที่ทำให้ตายได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 3(2) และมาตรา 5(2) การที่ภรรยาผู้ถูกทำร้ายตายไม่ขอร่วมเป็นโจทก์กับอัยการ ไม่ทำให้สิทธิของบุตรผู้ตายดังกล่าวแล้วเสียไป
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยใช้ปืนยิงและใช้มีดแทงผู้ตายตายแต่ทางพิจารณาได้ความชัดว่าจำเลยใช้มีดแทงผู้ตายอย่างเดียวนั้น ไม่เป็นเหตุพอจะให้ยกฟ้องโจทก์เสียได้ และคดีก็ต้องลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่านายเต๊ะ โพธิ์ศรีทอง ตายโดยเจตนา นางเหลื่อม โพธิ์ศรีทองบุตรนายเต๊ะ ขอเป็นโจทก์ร่วมด้วยศาลอนุญาตแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 249 มีกำหนด 20 ปี
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกา ฟังข้อเท็จจริง ว่าจำเลยเป็นผู้ใช้มีดแทงนายเต๊ะถึงแก่ความตาย ส่วนข้อกฎหมายเห็นว่า แม้นางเหลื่อมจะเป็นเพียงบุตรนายเต๊ะ และมีสามีแล้ว นางเหลื่อมก็มีสิทธิเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญาหรือเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 3(2) และมาตรา 5(2) การที่นางเสงี่ยมภรรยานายเต๊ะ ไม่ขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับอัยการนั้นไม่ทำให้สิทธิของนางเหลื่อมเสียไป
การที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้ปืนยิงและใช้มีดแทงนายเต๊ะ แต่พยานโจทก์เบิกความยืนยันว่า จำเลยใช้มีดแทงนายเต๊ะอย่างเดียวนั้นไม่เป็นเหตุพอจะให้ยกฟ้องโจทก์เสียได้ และเมื่อทางพิจารณาได้ความชัดว่า จำเลยเป็นผู้ใช้มีดแทงนายเต๊ะถึงแก่ความตาย คดีก็ต้องลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้นจึงพิพากษายืน