คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 528/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นเยาวชนถูกจับกุมและควบคุมในคดีอื่น ต่อมาพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาคดีนี้ให้จำเลยทราบ ถือไม่ได้ว่าจำเลยถูกจับกุมและควบคุมในคดีนี้ การนับระยะเวลาตามมาตรา 24 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ. 2494 ยังไม่เกิดขึ้น ดังนั้นการฟ้องคดีนี้จึงไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 24 จัตวา แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2530)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๒๘ เวลากลางวัน ได้มีคนร้ายเข้าไปในบริเวณลานจอดรถภายในสถาบันเทคโนโลยีการเกษตรแม่โจ้ อันเป็นสถานที่ราชการโดยไม่ได้รับอนุญาต แล้วลักรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไปโดยสุจริตเหตุเกิดที่ตำบลหนองหาร อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ต่อมาวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๒๘ เจ้าพนักงานจับจำเลยซึ่งเป็นเยาวชนได้ในคดีอื่น พร้อมกับยึดรถจักรยานยนต์ดังกล่าวเป็นของกลาง และหลังจากนั้นต่อมาตามวันเวลาดังกล่าว พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาคดีนี้ให้จำเลยทราบ ทั้งนี้ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุดังกล่าว จำเลยเป็นคนร้ายลักเอารถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไปโดยทุจริต หรือมิฉะนั้น เมื่อระหว่างวันเวลาที่ทรัพย์หายถึงวันเวลาที่เจ้าพนักงานจับจำเลยได้ วันเวลาใดไม่ปรากฏชัดจำเลยได้รับของโจร โดยช่วยซ่อนเร้นช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย รับเอาไว้ด้วยประการใด ๆ ซึ่งรถจักรยานยนต์ไว้จากคนร้าย โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ เหตุรับของโจทก์ เกิดที่ตำบลหนองหาร อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ จำเลยเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๓๔/๒๕๒๙ ของศาลชั้นต้น ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๔, ๓๓๕, ๓๕๗ นับโทษต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญา หมายเลขแดงที่ ๓๔/๒๕๒๙ ของศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้ว เห็นว่าโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยเกิน ๓๐ วัน นับแต่วันจับกุม โดยมิได้ขอผัดฟ้อง อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน พ.ศ.๒๔๙๔ มาตรา ๒๔ ทวิ จึงมีคำสั่งไม่รับฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเด็กและเยาวชนวินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ว่าโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยมิได้ถูกจับกุมในคดีนี้ แต่ถูกจับกุมในคดีอื่น หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อหาคดีนี้ให้จำเลยทราบ ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์จำเลยจึงยังมิได้ถูกจับกุมในคดีนี้แต่อย่างใด การควบคุมจำเลยในระหว่างสอบสวนก็มิได้ถูกควบคุมในคดีนี้ แต่เป็นการควบคุมในคดีอื่นการนับระยะเวลาตามมาตรา ๒๔ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชนพ.ศ.๒๔๙๔ สำหรับคดีนี้จึงยังไม่เกิดขึ้น การฟ้องคดีจึงไม่อยู่ในบังคับของมาตรา ๒๔ ทวิ และมาตรา ๒๔ จัตวาแห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวที่ศาลล่างทั้งสองไม่ประทับฟ้องโจทก์นั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นประทับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป.

Share