แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์เคยฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 281/2546 ของศาลชั้นต้น โดยบรรยายฟ้องว่า ประมาณปี 2522 โจทก์ซื้อที่ดินพิพาทมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 1859 หมู่ 8 ตำบลสุขเดือนห้า อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท เนื้อที่ 2 ไร่ 1 งาน จากจำเลยที่ 1 และที่ 2 โดยจำเลยที่ 1 และที่ 2 ส่งมอบการครอบครองที่ดินให้โจทก์แล้ว แต่ยังมิได้โอนทางทะเบียน ต่อมาประมาณปี 2523 โจทก์ยกที่ดินพิพาทให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยนาทโดยจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นตัวแทนโจทก์ในการโอนแต่ทางราชการไม่ได้สร้างโรงเรียนบนที่ดินพิพาทตามวัตถุประสงค์ของโจทก์ โจทก์จึงขอคืนที่ดินแปลงดังกล่าวจากจำเลยที่ 4 ในคดีนี้ ซึ่งเป็นผู้ดูแลที่ดินพิพาท แต่จำเลยที่ 4 ในคดีนี้แจ้งว่าไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจากหลักฐานปรากฏว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นผู้ยกให้ โจทก์จึงขอให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ดำเนินการเพิกถอนการให้ แต่จำเลยที่ 1 และที่ 2 เพิกเฉย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยทั้งสองมิได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55 จึงมีคำสั่งไม่รับคำฟ้อง ซึ่งเป็นการที่ศาลชั้นต้นพิจารณาจากคำฟ้องของโจทก์แล้วนำข้อเท็จจริงในคำฟ้องมาวินิจฉัย อันเป็นการวินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีตามความหมายแห่ง ป.วิ.พ. มาตรา 131 (2) ซึ่งมีผลเป็นการพิจารณาคดีแล้ว การที่โจทก์กลับมาฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นคดีนี้โดยบรรยายฟ้องอย่างเดียวกันกับคดีก่อน จึงเป็นฟ้องที่มีข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาในคำฟ้องหรือประเด็นที่วินิจฉัยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคดีก่อน โจทก์ฟ้องคดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 281/2546 ของศาลชั้นต้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 148
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันหรือแทนกันส่งมอบที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 1859 หมู่ที่ 8 ตำบลสุขเดือนห้า อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท เนื้อที่ 12 ไร่ 1 งาน ซึ่งเปลี่ยนเป็นหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงเลขที่ ชน 00166/40 รูปถ่ายทางอากาศหมายเลข 4939 แผ่น 170 ตั้งอยู่ที่บ้านหนองมะสังข์ ตำบลสุขเดือนห้า อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท เนื้อที่ประมาณ 13 ไร่ 2 งาน 18 ตารางวา คืนโจทก์ ให้จำเลยที่ 4 โอนเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนที่ดินให้จำเลยที่ 3 หรือจำเลยที่ 1 และที่ 2 และให้จำเลยที่ 3 หรือจำเลยที่ 1 และที่ 2 โอนเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนให้โจทก์ หรือให้จำเลยที่ 4 โอนเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนให้โจทก์ หากจำเลยทั้งสี่ไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสี่
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้ซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 281/2546 ของศาลชั้นต้นหรือไม่ เห็นว่า ก่อนคดีนี้โจทก์เคยฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 281/2546 ของศาลชั้นต้น โดยบรรยายฟ้องว่าประมาณปี 2522 โจทก์ซื้อที่ดินพิพาทมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 1859 หมู่ที่ 8 ตำบลสุขเดือนห้า อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท เนื้อที่ 12 ไร่ 1 งาน จากจำเลยที่ 1 และที่ 2 โดยจำเลยที่ 1 และที่ 2 ส่งมอบการครอบครองที่ดินให้โจทก์แล้ว แต่ยังมิได้โอนทางทะเบียน ต่อมาประมาณปี 2523 โจทก์ยกที่ดินพิพาทให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยนาทโดยจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นตัวแทนโจทก์ในการโอน ต่อมาที่ดินแปลงดังกล่าวได้โอนเป็นของกระทรวงการคลังพร้อมทั้งออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงเลขที่ ชน. 00166/40 แต่ทางราชการไม่ได้สร้างโรงเรียนบนที่ดินพิพาทตามวัตถุประสงค์ของโจทก์ โจทก์จึงขอคืนที่ดินแปลงดังกล่าวจากจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นผู้ดูแลที่ดินพิพาท แต่จำเลยที่ 4 ในคดีนี้แจ้งว่าไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจากหลักฐานปรากฏว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นผู้ยกให้โจทก์จึงขอให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ดำเนินการเพิกถอนการให้แต่จำเลยที่ 1 และที่ 2 เพิกเฉย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยทั้งสองมิได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 จึงมีคำสั่งไม่รับคำฟ้อง ซึ่งเป็นการที่ศาลชั้นต้นพิจารณาจากคำฟ้องของโจทก์แล้วนำข้อเท็จจริงในคำฟ้องมาวินิจฉัยเป็นการวินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 131 (2) ซึ่งมีผลเป็นการพิจารณาคดีแล้ว โจทก์กลับมาฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นคดีนี้โดยบรรยายฟ้องอย่างเดียวกันกับคดีก่อน จึงเป็นฟ้องที่มีข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาในคำฟ้องหรือประเด็นที่วินิจฉัยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคดีก่อน ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 281/2546 ของศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.