แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ติดต่อซื้อรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุเพื่อใช้ในราชการ โดยโจทก์ได้รับรถยนต์จากผู้ขายมาใช้ก่อน ในวันเกิดเหตุจำเลยยืมรถยนต์คันดังกล่าวจากโจทก์ไปใช้ และเกิดอุบัติเหตุได้รับความเสียหาย โจทก์จึงฟ้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญายืมใช้คงรูป เมื่อรถยนต์คันที่จำเลยยืมไปใช้เกิดความเสียหาย แม้โจทก์จะได้ชำระค่าซ่อมรถยนต์ให้แก่ผู้ซ่อมหรือเจ้าของรถยนต์นั้นแล้วหรือไม่ก็ตาม ถือได้แล้วว่ามีข้อโต้แย้งสิทธิตามสัญญายืมใช้คงรูปเกิดขึ้นแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
คำฟ้องของโจทก์กล่าวว่าจำเลยยืมรถยนต์คันเกิดเหตุไปจากโจทก์ต่อมาเกิดอุบัติเหตุชนกับรถยนต์บรรทุกสิบล้อของบุคคลอื่น รถยนต์คันดังกล่าวเกิดความเสียหายขึ้นในระหว่างที่โจทก์ดูแลและทดลองใช้อยู่ โจทก์ชำระเงินค่าซ่อมให้เจ้าของรถแล้ว จำเลยมีหน้าที่ต้องรับผิดชดใช้เงินคืนแก่โจทก์ ตามคำฟ้องดังกล่าวไม่ปรากฏเหตุใดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 643 ที่จะทำให้จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ในความเสียหายที่เกิดขึ้นเลย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยยืมรถยนต์ปิคอัพไปจากโจทก์ ต่อมาเกิดอุบัติเหตุชนกับรถยนต์บรรทุกสิบล้อของบุคคลอื่น โจทก์แจ้งให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดโตโยต้าศรีสะเกษเจ้าของรถยนต์ทราบ เจ้าของได้นำรถยนต์ไปซ่อมที่อู่ของตนและเรียกค่าเสียหายจากโจทก์เพราะรถยนต์ดังกล่าวเกิดความเสียหายขึ้นในขณะที่เจ้าของรถมอบให้โจทก์ดูแลและทดลองใช้อยู่ โจทก์ชำระเงินให้ไปครบถ้วนแล้ว จำเลยมีหน้าที่ต้องรับผิดชดใช้เงินคืนแก่โจทก์ ขอให้ศาลพิพากษาบังคับจำเลยใช้เงินให้แก่โจทก์จำนวน ๔๐,๐๐๐ บาท
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง รถยนต์คันเกิดเหตุไม่ใช่ของโจทก์ โจทก์มิได้ชำระค่าเสียหายให้เจ้าของรถ หากโจทก์ชำระไปก็โดยความสมัครใจของโจทก์เอง จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องจากจำเลย จำเลยไม่เคยยืมรถยนต์ไปจากโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินให้โจทก์ ๓๐,๐๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ วินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ได้ชำระค่าซ่อมรถยนต์ให้แก่ผู้ซ่อมหรือเจ้าของรถ จึงไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษากลับ ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาตามฎีกาโจทก์ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์ติดต่อซื้อรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุเพื่อใช้ในราชการ โจทก์ได้รับรถยนต์จากห้างหุ้นส่วนจำกัดโตโยต้า ศรีสะเกษ ผู้ขายมาใช้ก่อนในวันเกิดเหตุจำเลยยืมรถยนต์คันดังกล่าวจากโจทก์ไปใช้ และเกิดอุบัติเหตุได้รับความเสียหาย ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญายืมใช้คงรูปเมื่อรถยนต์คันที่จำเลยยืมไปใช้เกิดความเสียหาย แม้โจทก์จะได้ชำระค่าซ่อมรถยนต์ให้แก่ผู้ซ่อมหรือเจ้าของรถยนต์นั้นแล้วหรือไม่ก็ตาม ถือได้แล้วว่ามีข้อโต้แย้งสิทธิตามสัญญายืมใช้คงรูปเกิดขึ้นแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๕๕ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง อย่างไรก็ตามศาลฎีกาเห็นควรวินิจฉัยในปัญหาต่อไปโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ว่า จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ตามฟ้องหรือไม่ ในการยืมใช้คงรูปนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๔๓ บัญญัติว่า ‘ทรัพย์สินซึ่งยืมนั้น ถ้าผู้ยืมเอาไปใช้การอย่างอื่นนอกจากการอันเป็นปกติแก่ทรัพย์สินนั้น หรือนอกจากการอันปรากฏในสัญญาก็ดี เอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอยก็ดี เอาไปไว้นานกว่าที่ควรจะเอาไว้ก็ดี ท่านว่าผู้ยืมจะต้องรับผิดในเหตุทรัพย์สินนั้นสูญหายหรือบุบสลายไปอย่างหนึ่งอย่างใด แม้ถึงจะเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย’ เห็นว่าคำฟ้องของโจทก์กล่าวว่าจำเลยยืมรถยนต์คันเกิดเหตุไปจากโจทก์ ต่อมาเกิดอุบัติเหตุชนกับรถยนต์บรรทุกสิบล้อของบุคคลอื่น รถยนต์คันดังกล่าวเกิดความเสียหายขึ้นในระหว่างที่โจทก์ดูแลและทดลองใช้อยู่ โจทก์ชำระเงินค่าซ่อมให้เจ้าของรถแล้วจำเลยมีหน้าที่ต้องรับผิดชดใช้เงินคืนแก่โจทก์ ตามคำฟ้องดังกล่าวไม่ปรากฏเหตุใดตามกฎหมายที่จะทำให้จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ในความเสียหายที่เกิดขึ้นเลย ดังนั้นจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์
พิพากษายืน.