คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5251/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยมาที่ท่าอากาศยานกรุงเทพเพื่อโดยสารสายการบินเอธิโอเปียนแอร์ไลน์ เดินทางออกนอกราชอาณาจักรไทย โดยจะออกจากท่าอากาศยานกรุงเทพเวลา 3.45 นาฬิกา เจ้าพนักงานตรวจค้นจับกุมจำเลยได้พร้อมเฮโรอีน แม้หนังสือเดินทางของจำเลย บัตรขาออกด่านตรวจคนเข้าเมือง และตั๋วโดยสารเครื่องบินของจำเลย ยังไม่ได้รับการตรวจลงตราจากเจ้าพนักงานให้จำเลยผ่านขึ้นเครื่องบินได้ก็ถือว่าจำเลยลงมือกระทำความผิดฐานส่งเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามส่งเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔ ,๗ , ๘ , ๑๕ , ๖๕ , ๖๖ , ๖๗ , ๑๐๒ พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๓ , ๗ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๐ ริบเฮโรอีนของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคสอง , ๖๕ วรรคสอง , ๖๖ วรรคสอง และ ๑๐๒ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๐ ประกอบด้วยพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๗ การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามมาตรา ๖๕ วรรคสอง ฐานพยายามส่งเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย ซึ่งเป็นบทหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ แม้ในชั้นจับกุม จำเลยให้การรับสารภาพแต่เฮโรอีนของกลางเมื่อคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์มีจำนวนถึง ๗,๘๗๑.๘ กรัม ซึ่งเป็นจำนวนมาก การกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จำเลยมิได้สำนึกการกระทำความผิดกลับนำสืบปฏิเสธความผิดจึงสมควรลงโทษให้สาสมแก่ความผิด คดีไม่มีเหตุบรรเทาโทษ ลงโทษประหารชีวิต ริบเฮโรอีนของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้องเจ้าพนักงานจับกุมจำเลยขณะจะเดินทางออกจากประเทศไทยไปประเทศเอธิโอเปีย และยึดได้เฮโรอีนน้ำหนัก ๑๐,๖๖๖.๕ กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ ๗,๘๗๑.๘ กรัม ซุกซ่อนในจอภาพเครื่องคอมพิวเตอร์บรรจุในกล่องกระดาษสีน้ำตาลเป็นของกลาง เมื่อเฮโรอีนคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ตั้งแต่ ๒๐ กรัมขึ้นไป จึงต้องด้วยข้อสันนิษฐานโดยเด็ดขาดของกฎหมายที่ให้ถือว่ามีไว้เพื่อจำหน่ายตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคสอง จำเลยจึงมีความผิดฐานมีเฮโรอีนดังกล่าวไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยต่อไปว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานพยายามส่งเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายด้วยหรือไม่ ในปัญหานี้จำเลยฎีกาว่า การกระทำผิดฐานดังกล่าวนี้ จะต้องฟังข้อเท็จจริงแน่ชัดว่า จำเลยลงมือกระทำแต่กระทำไปไม่สำเร็จโดยการผ่านการตรวจของบัตรผ่านขึ้นเครื่องบินพร้อมที่จะเดินทางไปกับเที่ยวบินดังกล่าวแล้วแต่ถูกจับกุมเสียก่อน แต่พยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าหนังสือเดินทางของจำเลย บัตรขาออกด่านตรวจคนเข้าเมือง และตั๋วโดยสารเครื่องบินของจำเลยตามเอกสารหมาย จ. ๑ ถึง จ. ๓ ได้ผ่านการตรวจลงตราของเจ้าพนักงานแล้วนั้น เห็นว่า ตามทางนำสืบของโจทก์ได้ความว่า วันเกิดเหตุ เที่ยวบิน อี ที ๖๔๑ ของสายการบินเอธิโอเปียนแอร์ไลน์ กำหนดเวลาออกเดินทางจากท่าอากาศยานกรุงเทพในเวลา ๓.๔๕ นาฬิกา จำเลยเดินทางมาที่ท่าอากาศยานกรุงเทพ และถูกเจ้าพนักงานตรวจค้นจับกุมเมื่อเวลาประมาณ ๓ นาฬิกา พร้อมยึดได้เฮโรอีนและเอกสารหมาย จ. ๑ ถึง จ. ๓ ซึ่งระบุชื่อจำเลย กำหนดเวลาเดินทาง และสถานที่เดินทางไปในเที่ยวบินดังกล่าวข้างต้น โดยจำเลยก็นำสืบเบิกความว่า วันเกิดเหตุจำเลยจะเดินทางออกนอกราชอาณาจักรไทยโดยเข้าแถวรอเพื่อตรวจสอบเอกสารเกี่ยวกับการเดินทางแล้วถูกเจ้าพนักงานเรียกตรวจค้น ดังนี้ แม้เจ้าพนักงานจะยังไม่ได้ตรวจลงตราเอกสารให้จำเลยผ่านขึ้นเครื่องบินก็ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการลงมือกระทำความผิดฐานส่งเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามส่งเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายด้วย จำเลยต้องมีความผิดตามที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยมา _ _ _
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลดโทษแก่จำเลยหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ ประกอบมาตรา ๕๒ (๑) คงลงโทษจำเลยจำคุกตลอดชีวิต นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share