แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเคยยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่าจำเลยมีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในที่ดินโฉนดของโจทก์ จนศาลได้มีคำสั่งว่าจำเลยมีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทในคดีดังกล่าวแล้วก็ตาม แต่โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกคดีดังกล่าว พิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่าจำเลย ที่พิพาทจึงยังเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ คำสั่งของศาลดังกล่าวย่อมไม่ผูกพันโจทก์ จำเลยจึงนำคำสั่งดังกล่าวมาอ้างใช้ยันโจทก์ไม่ได้ และเมื่อโจทก์แจ้งให้จำเลยออกจากที่พิพาทแล้ว จำเลยไม่ยอมออกไป จึงถือได้ว่าจำเลยอยู่โดยละเมิด
โจทก์สืบเรื่องค่าเสียหายแล้ว แต่ศาลเห็นว่าโจทก์ไม่ควรได้รับค่าเสียหายถึงขนาดนั้น ศาลย่อมมีอำนาจกำหนดค่าเสียหายได้ตามสมควรแก่พฤติการณ์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ 1839นายสมพรได้ขออาศัยโจทก์อยู่ในที่ดินนั้น โดยมีนายอำนาจและจำเลยอยู่กับนายสมพรในฐานะบริวาร ต่อมาโจทก์ฟ้องขับไล่นายสมพรและบริวารศาลแพ่งพิพากษาขับไล่นายสมพรและบริวาร นายสมพรอุทธรณ์ระหว่างนี้จำเลยได้ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งอ้างว่าได้ครอบครองที่ดินพิพาทที่โจทก์ฟ้องขับไล่นายสมพรมาอย่างปรปักษ์ จนศาลแพ่งสั่งให้จำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาท ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1199/2511 โจทก์เพิ่งทราบ จึงฟ้องขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าที่ดินพิพาทยังเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ จำเลยไม่มีสิทธิใด ๆ จะอยู่อาศัยในที่ดินแปลงนี้ได้ คำสั่งของศาลแพ่งคดีหมายเลขแดงที่ 1199/2511 ไม่มีผลบังคับและผูกพันโจทก์ให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 466.77 บาท กับค่าเสียหายในอัตราเดือนละ 240 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะออกจากที่พิพาท
จำเลยให้การว่า จำเลยกับนายสมพรได้เข้าปลูกบ้านในที่พิพาทโดยไม่เคยขออาศัยหรือขออนุญาตจากโจทก์หรือใครทั้งสิ้น โจทก์ไม่ได้เอาใจใส่ทำประโยชน์ในที่พิพาทมาเกินกว่า 10 ปีแล้ว จำเลยได้ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง ขอให้สั่งว่าจำเลยเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท โดยอ้างเหตุว่าจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทมาด้วยความสงบ โดยเปิดเผย และด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลากว่า 10 ปี ศาลแพ่งไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้จำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท ตามคดีหมายเลขแดงที่ 1199/2511 แล้ว จำเลยอยู่ในที่ดินของโจทก์ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ มิได้อยู่โดยละเมิด โจทก์คิดค่าเสียหายเกินความเป็นจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ คำสั่งศาลแพ่งคดีหมายเลขแดงที่ 1199/2511 ไม่ผูกพันโจทก์ ห้ามมิให้จำเลยและบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินดังกล่าวต่อไป ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เดือนละ 120 บาท นับแต่วันที่ 22 ตุลาคม 2511 จนกว่าจะออกจากที่พิพาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยเป็นบริวารของนายสมพรซึ่งอาศัยที่พิพาทของโจทก์อยู่ แม้ศาลแพ่งจะมีคำสั่งตามคดีหมายเลขแดงที่ 1199/2511ว่าจำเลยมีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาท แต่โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกพิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่าจำเลย ที่พิพาทจึงยังเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์คำสั่งศาลแพ่งคดีหมายเลขแดงที่ 1199/2511 ไม่ผูกพันโจทก์
เมื่อคดีฟังได้ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ คำสั่งศาลแพ่งคดีหมายเลขแดงที่ 1199/2511 ที่สั่งให้จำเลยมีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทไม่ผูกพันโจทก์ จำเลยจะนำมาอ้างใช้ยันโจทก์ไม่ได้ โจทก์แจ้งให้จำเลยออกจากที่พิพาทแล้ว จำเลยไม่ออกไป จึงถือได้ว่าจำเลยอยู่โดยละเมิดโจทก์ชอบที่จะได้รับชดใช้ค่าเสียหาย ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์สืบค่าเสียหายไม่ชัด ศาลอุทธรณ์กำหนดค่าเสียหายให้โจทก์เป็นการไม่ชอบนั้น เห็นว่า คดีนี้โจทก์สืบเรื่องค่าเสียหายแล้ว แต่ศาลเห็นว่าโจทก์ไม่ควรได้รับค่าเสียหายถึงขนาดนั้น ศาลย่อมมีอำนาจกำหนดค่าเสียหายได้ ตามสมควรแก่พฤติการณ์ ค่าเสียหายที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดต้องกันมานั้น เป็นจำนวนพอสมควรแล้ว
พิพากษายืน