คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3117/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ถึงจำเลยจะได้พูดโต้เถียงกับผู้ตายที่วงสุรา เมื่อมีคนมาพาจำเลยไปเสียจากที่นั้น จำเลยก็ยอมไปโดยดี แต่ผู้ตายกลับใช้ให้จ.ตามจำเลยไป แม้จำเลยจะพูดกับ จ. เป็นทำนองชวนวิวาทกับผู้ตายจำเลยก็มิได้แสดงอาการอย่างใดให้เห็นว่าจำเลยตั้งใจจะวิวาทกับผู้ตายจำเลยกลับขึ้นไปอยู่เสียบนเรือนผู้อื่น ที่เกิดยิงกันขึ้นก็เพราะผู้ตายใช้ให้คนไปตามจำเลยมา ผู้ตายชักปืนออกจ้องจะยิงจำเลย จำเลยมิได้ตอบโต้แต่หลบอยู่ข้างหลัง น. จนถูกผู้ตายยิงเอาบาดเจ็บ จำเลยก็ยังไม่ควักปืนยิงผู้ตาย คงเข้ากอดปล้ำล้มลงทั้งคู่เห็นได้ว่าจำเลยประสงค์จะมิให้ผู้ตายทำร้ายจำเลยต่อไป มิได้สมัครใจวิวาทกับผู้ตายแต่อย่างใดต่อเมื่อผู้ตายจะยิงจำเลยซ้ำ จำเลยจึงควักปืนออกมายิงผู้ตายเพียงนัดเดียว หากจำเลยไม่กระทำดังนั้นก็คงต้องถูกผู้ตายยิงเอาถึงตายเป็นแน่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ จำเลยไม่มีความผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ใช้ปืนยิงนายดี โรจน์มล 1 นัดด้วยเจตนาฆ่า นายดีถูกกระสุนปืนถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288

จำเลยให้การว่า ผู้ตายยิงจำเลยก่อนและจะยิงซ้ำ จำเลยยิงผู้ตายเพื่อป้องกันตัว

ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยกับผู้ตายสมัครใจต่อสู้กัน ฝ่ายใดจะกล่าวอ้างว่าเป็นการป้องกันตัวหาได้ไม่ พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ให้จำคุก 15 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามมาตรา 78 คงจำคุก 10 ปี

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ฟังว่า ผู้ตายพาลหาเรื่องกับจำเลย แล้วใช้ปืนยิงจำเลย 1 นัดและจะยิงซ้ำอีก จำเลยจึงยิงผู้ตาย กรณีมิใช่เป็นการวิวาทต่อสู้กัน การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ จำเลยไม่มีความผิด พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าผู้ตายเป็นกำนันตำบลแหลมงอบ จำเลยเป็นราษฎรอยู่ในปกครองของผู้ตาย วันเกิดเหตุผู้ตายและจำเลยไปร่วมงานบวชนาคที่บ้านนายช่วง เวลากลางคืนก่อนเกิดเหตุประมาณ 30 นาที ผู้ตาย จำเลย และคนอื่น ๆ อีก หลายคนได้ร่วมวงดื่มสุราที่พื้นดินใกล้ครัว ผู้ตายเมาสุราพูดโต้เถียงกับจำเลยแล้วมีคนมาพาจำเลยไปเสียจากวงสุรา ผู้ตายใช้นายจอมตามจำเลยไปเพื่อฟังว่าจำเลยจะพูดว่าอย่างไรบ้าง จำเลยบอกนายจอมว่าอยากลองความไวกับผู้ตาย นายจอมกลับมาผู้ตาย ผู้ตายจึงใช้ให้นายจำเนียนไปตามจำเลยมาพบ นายจำเนียนไปตามพบจำเลยอยู่บนเรือนนายช่วง จึงบอกว่าผู้ตายให้ไปหา จำเลยก็ไป ผู้ตายเดินเข้าหาจำเลยและพูดว่า เมื่อกี้มึงว่าอะไรกู จำเลยตอบว่า กำนันดีว่าอย่างไรล่ะ ผู้ตายชักปืนจากกระเป๋ากางเกงจ่อจะยิงจำเลย จำเลยแอบหลบข้างหลังนายจำเนียน นายจำเนียนร้องห้าม ผู้ตายยิงจำเลย 1 นัดถูกที่สีข้างทะลุเข้าช่องท้อง จำเลยกับผู้ตายกอดปล้ำกันล้มลงทั้งคู่ ผู้ตายอยู่บนและยังทำท่าจะยิงจำเลยอีก จำเลยจึงควักปืนจากเอวยิงผู้ตาย 1 นัดที่สีข้างซ้าย ผู้ตายถึงแก่ความตาย ศาลฎีกาเห็นว่า ถึงจำเลยจะพูดโต้เถียงกับผู้ตายที่วงสุรา เมื่อมีคนมาพาจำเลยไปเสียจากที่นั้น จำเลยยอมไปโดยดี เรื่องก็ควรจะยุติ แต่ผู้ตายกลับใช้นายจอมตามจำเลยไป หากผู้ตายไม่ตั้งใจจะหาเรื่องกับจำเลยแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะทำเช่นนั้น แม้จำเลยจะพูดกับนายจอมเป็นทำนองชวนวิวาท จำเลยก็มิได้แสดงอาการอย่างใดให้เห็นว่าจำเลยตั้งใจจะวิวาทกับผู้ตาย จำเลยกลับขึ้นไปอยู่เสียบนเรือนนายช่วงที่เกิดยิงกันขึ้นก็เพราะผู้ตายใช้ให้คนไปตามจำเลยมา ผู้ตายชักปืนออกจ้องจะยิงจำเลย จำเลยก็มิได้ตอบโต้ แต่หลยอยู่ข้างหลังนายจำเนียนจนถูกผู้ตายยิงเอา กระนั้นจำเลยก็ยังไม่ควักปืนออกมายิงผู้ตาย ที่จำเลยกับผู้ตายกอดปล้ำกันนั้น เห็นได้ว่าจำเลยประสงค์จะมิให้ผู้ตายทำร้ายจำเลยต่อไป แต่เมื่อผู้ตายจะยิงจำเลยซ้ำ จำเลยจึงควักปืนออกยิงผู้ตายเพียงนัดเดียว หากจำเลยไม่กระทำ ดังนั้น จำเลยจะถูกผู้ตายยิงเอาจนถึงแก่ความตายเป็นแน่การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ จำเลยไม่มีความผิด ศาลอุทธรณ์พิพากษาไว้ชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share