แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นทำการชี้สองสถานโดยกำหนดประเด็น 3 ข้อ และจดไว้ในรายงานด้วยว่า ที่จำเลยให้การต่อสู้ว่าคดีโจทก์อายุความนั้นจำเลยเพียงแต่ยกขึ้นกล่าวอ้างลอย ๆ โดยไม่ปรากฎเหตุผลและรายละเอียดว่าขาดอายุความอย่างไร จึงไม่กำหนดประเด็นว่าคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ให้ คำสั่งที่ไม่กำหนดประเด็นดังกล่าวเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา แต่ต่อมาจำเลยได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้น ขอให้กำหนดประเด็นว่า คดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่เพิ่มเติมด้วยดังนี้ถือได้ว่าจำเลยได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่กำหนดประเด็นว่าคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่แล้ว การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำร้องดังกล่าวว่า ไม่มีเหตุผลที่จะเปลี่ยนแปลงประเด็นที่ชี้สองสถานตามคำร้องนี้ให้ยกคำร้อง จำเลยไม่จำต้องโต้แย้งคำสั่งในตอนหลังนี้อีก จำเลยก็ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งนั้นได้ การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 เป็นเรื่องกำหนดเวลาได้สิทธิ มิใช่เป็นเรื่องอายุความฟ้องร้อง ที่จำเลยจะยกขึ้นให้การเป็นข้อต่อสู้ฟ้องโจทก์ว่าคดีโจทก์ขาดอายุความได้ การที่จำเลยให้การยกเหตุดังกล่าวจึงไม่มีประเด็นว่าคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสี่เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 6411และที่ดินหัวไร่ปลายนา โดยได้รับมรดกจากนายจี๊ด นางแปลก จิตต์สมบิดามารดา เมื่อประมาณ 37 ปีมาแล้ว นายจวน จิตต์สม ซึ่งเป็นบิดาจำเลยและบริวาร (บุตรภริยา) ได้ขออนุญาตจากนางแปลกและโจทก์ปลูกบ้านอาศัยในที่ดินหัวไร่ปลายนา และใช้ที่ดินบางส่วนของโฉนดเลขที่ 6411 เพื่อทำกิน รวมเนื้อที่ประมาณ 8 ไร่ เมื่อปี 2527นายจวนถึงแก่ความตาย โจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยที่ 1 และที่ 3ถึงที่ 5 ซึ่งเป็นบุตรของนายจวนและจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุตรเขยของนายจวนอยู่อาศัยและทำกินในที่ดินดังกล่าวอีกต่อไป จึงบอกกล่าวให้จำเลยทั้งห้ารื้อถอนบ้านออกจากที่ดินของโจทก์ แต่จำเลยทั้งห้าเพิกเฉย ทำให้โจทก์เสียหาย โจทก์คิดค่าเสียหายเท่ากับค่าเช่าเป็นเงินปีละ 2,500 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งห้าและบริวารออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 6411 และที่ดินหัวไร่ปลายนาของโจทก์ ให้จำเลยทั้งห้ารื้อถอนบ้านเลขที่ 31/10 และเลขที่ 31 หมู่ที่ 3ตำบลสำนักบก อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ออกจากที่ดินของโจทก์ หากจำเลยทั้งห้าไม่ยอมรื้อถอน ให้โจทก์ดำเนินการรื้อถอนเองแล้วกองไว้ให้จำเลยทั้งห้าขนย้ายออกไปจากที่ดินด้วย และให้จำเลยทั้งห้าชดใช้ค่าเสียหายปีละ 2,500 บาท แก่โจทก์นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะออกไปจากที่ดินของโจทก์
จำเลยทั้งห้าให้การว่า จำเลยและบิดาจำเลยไม่เคยขออนุญาตมารดาโจทก์อยู่อาศัยในที่ดินพิพาท เพราะที่ดินพิพาทเป็นของบิดาจำเลย ซึ่งเมื่อประมาณ 40 ปีมานี้ บิดาจำเลยได้ก่นสร้างที่รกร้างว่างเปล่าจนโล่งเตียนเป็นเนื้อที่ประมาณ 12 ไร่ได้ปลูกบ้านและต้นไม้ติดต่อกันมาจนกระทั่งนายจวนบิดาจำเลยถึงแก่ความตาย จำเลยทั้งห้าได้ครอบครองทำประโยชน์ต่อมาโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของไม่มีผู้ใดรบกวนการครอบครองย่อมได้กรรมสิทธิ์ คดีโจทก์ขาดอายุความและโจทก์ไม่ได้รับความเสียหายดังฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งห้าและบริวารออกจากที่ดินพิพาทตามระบุไว้ในแผนที่พิพาทเอกสารหมาย จ.ล.1 ให้จำเลยทั้งห้ารื้อถอนบ้านเลขที่ 31 และ 31/10 หมู่ที่ 3 ตำบลสำนักบก อำเภอเมืองชลบุรีจังหวัดชลบุรี ออกจากที่ดินพิพาท ให้จำเลยทั้งห้าชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ในอัตราร้อยละ 250 บาทต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งห้าและบริวารจะออกจากที่ดินพิพาท จำเลยทั้งห้าอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยทั้งห้าฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาตามฎีกาจำเลยทั้งห้าข้อแรกว่า จำเลยทั้งห้าได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่กำหนดประเด็นว่าคดีโจทก์ขาดอายุความไว้โดยชอบหรือไม่หากจำเลยทั้งห้าได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวแล้วคดีมีประเด็นเพิ่มว่าคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ เห็นว่าตามรายงานกระบวนการพิจารณาลงวันที่ 29 พฤษภาคม 2530 ปรากฎว่าศาลชั้นต้นทำการชี้สองสถานโดยกำหนดประเด็น 3 ข้อ และจดข้อความลงไว้ในรายงานด้วยว่า ที่จำเลยทั้งห้าให้การต่อสู้ว่า คดีโจทก์ขาดอายุความนั้น จำเลยทั้งห้าเพียงแต่ยกขึ้นกล่าวอ้างลอย ๆโดยไม่ปรากฎเหตุผลและรายละเอียดว่าขาดอายุความอย่างไร จึงไม่กำหนดประเด็นว่าคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ให้ ศาลฎีกาเห็นว่าคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่กำหนดประเด็นดังกล่าวให้เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาแต่ต่อมาจำเลยทั้งห้ายื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นตามคำร้องลงวันที่18 มิถุนายน 2530 ขอให้ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นว่า คดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่เพิ่มเติมด้วย ดังนี้ถือได้ว่า จำเลยทั้งห้าได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่กำหนดประเด็นว่าคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่แล้ว การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำร้องดังกล่าวว่า ไม่มีเหตุผลที่จะเปลี่ยนแปลงประเด็นที่ชี้สองสถานตามคำร้องนี้ให้ยกคำร้อง จำเลยทั้งห้าไม่จำเป็นต้องโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นในตอนหลังนี้อีก แต่อย่างไรก็ตาม แม้จำเลยทั้งห้าได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่กำหนดประเด็นว่าคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ไว้แล้วอันเป็นเหตุให้จำเลยทั้งห้ามีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่กำหนดประเด็นดังกล่าวได้ก็ตาม แต่จำเลยทั้งห้าฎีกาเกี่ยวกับปัญหานี้เพียงว่า จำเลยทั้งห้าให้การไว้ว่าจำเลยทั้งห้าได้ครอบครองที่ดินพิพาทจนได้กรรมสิทธิ์โดยอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 แล้ว คดีโจทก์จึงขาดอายุความตามมาตรา 1382 แล้วนั้น เห็นว่าการได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382นั้น เป็นเรื่องกำหนดเวลาได้สิทธิ หาใช่เป็นเรื่องอายุความฟ้องร้องที่จำเลยทั้งห้ายกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ฟ้องโจทก์ว่าคดีโจทก์ขาดอายุความได้ไม่ คดีจึงไม่มีประเด็นว่าคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ฎีกาจำเลยทั้งห้าในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน