คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 522/2480

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ไปอยู่ในที่ดินซึ่งเขาปกครองอยู่โดยเขาชวนให้เข้าไปอยู่และได้ปลูกต้นไม้ลงในที่ดินแต่ไม่ปรากฎว่าได้ปลูกในตอนไหนหรือครอบครองที่ดินตอนไหนเป็นส่วนสัด ผู้เข้าไปอยู่ไม่ได้สิทธิครอบครองเข้าแย่งการครอบครองที่ดินที่ผู้อื่นครอบครองอยู่ก่อนต่างฝ่ายต่างหวงห้ามและถือว่าตนเป็นเจ้าของนั้น แม้เป็นเวลาช้านานเท่าใด ผู้เข้าแย่งก็ไม่ได้สิทธิครอบครอง

ย่อยาว

ได้ความว่าที่รายพิพาทเดิมเป็นของบิดามารดาโจทก์ เมื่อหลายปีมาแล้วมารดาโจทก์ได้ชวน ท.ซึ่งเป็นพี่ชายมาปลูกเรือนอยู่ด้วย แต่ทำมาหากินต่างหาก บิดาโจทก์แล ท.ได้ปลูกกอไผ่ลงในที่รายนี้ต่อมา ท.ไปบวช และจำเลยได้รับโอนที่รายนี้จากบุตร์ของ ท. เมื่อรับโอนมาแล้วก็ได้เข้าไปตัดไม้ไผ่ในที่วิวาท และได้ความว่าทั้งฝ่ายโจทก์และฝ่ายจำเลยต่างหวงห้ามและต่างถือว่าเป็นเจ้าของกันเรื่อย ๆ มา เป็นเวลาหลายปีแล้ว
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่ ท.เข้ามาอาศัยบิดามารดาโจทก์อยู่ สิ่งใดที่ ท.ทำลงไปในเบื้องต้นต้องถือว่าอยู่ด้วยกันก็ช่วยกันทำ แม้จะได้ความว่า ท.ได้ปลูกกอไผ่ลงบ้างก็ฟังไม่ได้ว่าได้ปลูกมาเป็นส่วนสัด โดยถือเป็นของตนในที่ดินตอนใด ท.จะมีกรรมสิทธิในที่ดินตอนใดก็ต้องปกครองเป็นปรปักษ์ต่อบิดามารดาโจทก์ แม้บุตร์ ท.จะขายที่รายพิพาทให้แก่จำเลยจริง ก็ต้องอาศัยปกครองโดยปรปักษ์อีก และไม่ปรากฎว่าการซือ้ขายรายนี้โจทก์ได้ยินยอมให้ขาย
ส่วนในข้อครอบครองที่รายนี้ก็ปรากฎว่าจำเลยเข้าไปตัดไม้ไผ่ในที่วิวาทเป็นครั้งคราว แต่ต่างฝ่ายต่างหวงห้ามต่างถือเป็นเจ้าของกันเรื่อยมา จนถึงกับไปแจ้งต่ออำเภอหลายครั้ง จะฟังว่าจำเลยครอบครองโดยความสงบไม่ได้ จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นที่พิพาทว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์แลห้ามไม่ให้จำเลยเกี่ยวข้องในที่พิพาทแลกอไผ่ต่อไป

Share