แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การที่จะลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิด อันเกิดจากการใช้เช็คได้นั้น โจทก์จะต้องนำสืบแสดงให้ปรากฏ ชัดว่าในวันที่ 5 กรกฎาคม 2538 ซึ่งเป็นวันที่โจทก์ร่วมนำ เช็คพิพาทไปเรียกเก็บเงินนั้น เงินในบัญชีของจำเลย ณ วันที่ 2 กรกฎาคม 2538 ซึ่งเป็นวันที่เช็คพิพาทถึงกำหนดใช้เงิน มีไม่พอจ่ายแต่ตามทางนำสืบของโจทก์และโจทก์ร่วม ไม่ปรากฏ ข้อเท็จจริงเช่นนั้น จึงลงโทษจำเลยไม่ได้ กรณีจึงไม่ต้อง วินิจฉัยว่าวันที่เช็คพิพาทถึงกำหนดใช้เงินจะเป็นวันหยุด ของทางราชการและธนาคารหรือไม่ เพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงส่วนสำเนาภาพถ่ายคำเบิกความและบัญชีกระแสรายวัน ของจำเลยซึ่งแนบท้ายฎีกาของโจทก์ร่วมนั้นเป็นข้อเท็จจริง ที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลล่างทั้งสองไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลฎีกา ไม่รับวินิจฉัย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 และนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1981/2538 และหมายเลขดำที่ 1580/2538 ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างการพิจารณานางสาวมะลิวัลย์ เลิศพันธมิตร ผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4(1)(3)จำคุก 1 ปี คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว คดีได้ความในข้อสาระสำคัญว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทลงวันที่ 2 กรกฎาคม 2538 เพื่อชำระหนี้เงินกู้แก่โจทก์ร่วมซึ่งเป็นหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย ครั้นวันที่ 5 กรกฎาคม 2538 โจทก์ร่วมนำเช็คดังกล่าวไปเรียกเก็บเงินปรากฏว่าธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่าย มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์และโจทก์ร่วมว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้องหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าการจะลงโทษจำเลยได้นั้น โจทก์จะต้องนำสืบแสดงให้ปรากฏชัดว่าในวันที่ 5 กรกฎาคม 2538 ซึ่งเป็นวันที่โจทก์ร่วมนำเช็คพิพาทไปเรียกเก็บเงินนั้นเงินในบัญชีของจำเลย ณ วันที่ 2 กรกฎาคม 2538ซึ่งเป็นวันที่เช็คพิพาทถึงกำหนดใช้เงินมีไม่พอจ่าย แต่ตามทางนำสืบของโจทก์และโจทก์ร่วม ไม่ปรากฎข้อเท็จจริงเช่นนั้น จึงลงโทษจำเลยไม่ได้ กรณีจึงไม่ต้องวินิจฉัยว่าวันที่เช็คพิพาทถึงกำหนดใช้เงินจะเป็นวันหยุดของทางราชการและธนาคารหรือไม่ เพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ชอบแล้วฎีกาของโจทก์และโจทก์ร่วมฟังไม่ขึ้น ส่วนสำเนาภาพถ่ายคำเบิกความของนายยงยุทธ จำเริญสาร และบัญชีกระแสรายวันของจำเลยซึ่งแนบท้ายฎีกาของโจทก์ร่วมนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลล่างทั้งสองไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 15 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายืน