คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5217/2531

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ฟ้องขอให้ลงโทษฐานจับคนไปเรียกค่าไถ่ เป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไปถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313ทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยกระทำการเป็นคนกลางเรียกทรัพย์สินอันมิควรได้จากผู้ที่จะให้ค่าไถ่ อันเป็นความผิดตามมาตรา 315ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยตามมาตรา 315 ได้ ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกโดยเจตนาเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ร่วมกันใช้อาวุธปืนขู่และจับตัวผู้อื่นไปหน่วงเหนี่ยวกักขัง เป็นเหตุให้ผู้อื่นนั้นถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา และจำเลยกับพวกได้ร่วมกันใช้อาวุธปืนและอาวุธอื่นทำร้ายผู้ถูกลักตัวและผู้อื่นจนถึงแก่ความตายโดยมีเจตนาฆ่าและเพื่อปกปิดความผิดที่กระทำ สำหรับจำเลยที่ 3 เป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 213/2529 ของศาลชั้นต้นขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289, 313, 83,91 ริบของกลาง และนับโทษจำเลยที่ 3 ต่อจากโทษของจำเลยในคดีหมายเลขดำที่ 213/2529
จำเลยทั้งสี่ให้การปฎิเสธ แต่จำเลยที่ 3 รับว่าเป็นจำเลยคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 213/2529 ของศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นพิพากษา จำเลยที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 313, 83 ให้ลงโทษประหารชีวิต ส่วนจำเลยที่ 1 ที่ 2และที่ 3 ให้ยกฟ้องของกลางริบ
จำเลยที่ 4 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 315 ให้จำคุกตลอดชีวิต นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยที่ 4 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ฟังได้โดยปราศจากข้อระแวงสงสัยว่าจำเลยที่ 4 ได้ร่วมกันกับคนร้ายกระทำการเป็นคนกลางเรียกทรัพย์สินอันมิควรได้จากผู้ที่จะให้ค่าไถ่อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 315 แม้โจทก์จะมิได้ขอให้ลงโทษตามมาตรานี้ แต่การเรียกค่าไถ่นี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของการกระทำที่โจทก์กล่าวหาจำเลยที่ 4 มาในฟ้องแล้วนั้นเอง ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยที่ 4ตามฐานความผิดหรือบทมาตราที่ถูกต้องตามที่พิจารณาได้ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192”
พิพากษายืน

Share