คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 521/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

รถยนต์ไม่ใช่ของมีค่าพิเศษตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 675 วรรคสอง แขกผู้มาพักจึงไม่ต้องแจ้งให้เจ้าสำนักโรงแรมทราบว่านำรถยนต์เข้าจอดในโรงแรมวันเวลาใด การที่แขกผู้มาพักนำรถยนต์มาจอดไว้ ณ ที่จอดรถของโรงแรม ถือได้ว่าเป็นการพาทรัพย์สินมาที่โรงแรมแล้ว เมื่อรถยนต์สูญหายไปเจ้าสำนักโรงแรมต้องรับผิดตามมาตรา 674

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้รับประกันภัยความเสียหายหรือสูญหายของรถยนต์โตโยต้า โคโรล่า คันหมายเลขทะเบียน 3 จ-6425กรุงเทพมหานคร จากห้างหุ้นส่วนจำกัดซินแคร์ไนท์แอนด์พาร์ทเนอร์จำเลยประกอบกิจการโรงแรมใช้ชื่อว่า “โรงแรมสยามอินเตอร์คอนติเนนตัล” นายเจอรี่ เยเจเนี่ยน ลูกจ้างของผู้เอาประกันภัยเข้าพักที่โรงแรมของจำเลยตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม2528 เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2529 เวลาประมาณ 17.40 นาฬิกานายสมบูรณ์ ประจงจิต ลูกจ้างขับรถของผู้เอาประกันภัยได้ขับรถยนต์คันดังกล่าวซึ่งอยู่ในความครอบครองของนายเจอรี่ เยเจเนี่ยมไปส่งนายเจอรี่ เยเจเนี่ยน ที่โรงแรมจำเลย แล้วขับรถยนต์ไปจอดไว้ในสถานที่จอดรถของโรงแรม ต่อมาวันที่ 30 กันยายน 2529เวลา 6.30 นาฬิกา นายสมบูรณ์ ประจงจิต จะไปขับรถรับนายเจอรี่ เยเจเนี่ยน ไปทำงานปรากฏว่ารถยนต์คันดังกล่าวหายไปจึงแจ้งให้ผู้จัดการแผนกรักษาความปลอดภัยของโรงแรมจำเลยทราบทันที ในการที่รถยนต์คันดังกล่าวหายไป โจทก์ได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยไป 160,000 บาท ตามสัญญา โจทก์จึงรับช่วงสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลย ขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า การที่รถยนต์โตโยต้า โคโรล่า คันหมายเลขทะเบียน 3 จ-6425 กรุงเทพมหานคร สูญหายไปก็เป็นความผิดของนายเจอรี่ เยเจเนี่ยน ที่ไม่ได้ใช้ความระมัดระวังดูแลเช่นวิญญูชน เพราะควรแจ้งให้จำเลยทราบว่าจะนำรถยนต์เข้าจอดในโรงแรมวันเวลาใด เพื่อจำเลยจะได้จัดการดูแลให้เรียบร้อย กลับมอบให้นายสมบูรณ์ ประจงจิต ผู้ขับเป็นผู้ดูแลรักษาโดยมิได้แจ้งให้จำเลยทราบ จำเลยจึงไม่อาจทราบได้ว่านายสมบูรณ์ ประจงจิต ได้นำรถยนต์คันดังกล่าวเข้าจอดในที่จอดรถของโรงแรมหรือไม่ และจอดไว้เมื่อเวลาใด จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชอบ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินให้แก่โจทก์ พร้อมทั้งดอกเบี้ย ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่า นายสมบูรณ์ ประจงจิต เป็นผู้ขับรถยนต์โตโยต้า โคโรล่า หมายเลขทะเบียน 3 จ-6425 กรุงเทพมหานคร ซึ่งอยู่ในความครอบครองของนายเจอรี่ เยเจเนี่ยน คนเดินทางที่มาพักที่โรงแรมจำเลยนายเจอรี่เข้าพักในโรงแรมจำเลยตั้งแต่ต้นปี 2529 จนถึงวันเกิดเหตุ นายสมบูรณ์จะขับรถไปจอดที่ลานจอดรถหน้าโรงแรม โดยนายเจอรี่และนายสมบูรณ์ไม่เคยแจ้งให้ทางโรงแรมทราบถึงการนำรถยนต์ไปจอดที่บริเวณดังกล่าว วันที่ 29 กันยายน 2529เวลา 17 นาฬิกาเศษ นายสมบูรณ์ส่งนายเจอรี่เข้าพักในโรงแรมแล้วนำรถไปจอดที่ลานจอดรถหน้าโรงแรมตามปกติ แล้วล็อกกุญแจรถไว้รุ่งขึ้นตอนเช้าปรากฏว่ารถยนต์คันดังกล่าวหายไป นายเจอรี่และนายสมบูรณ์ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ของจำเลยทราบทันที ต่อมาเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2530 โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าวได้จ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เอาประกันภัยไป160,000 บาท ปัญหาตามที่โจทก์ฎีกาคงมีว่า จำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ในการที่รถยนต์สูญหายหรือไม่ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 674 บัญญัติให้เจ้าสำนักโรงแรมจะต้องรับผิดเพื่อความสูญหายหรือบุบสลายอย่างใด ๆ อันเกิดแก่ทรัพย์สินซึ่งคนเดินทางหรือแขกอาศัยหากได้พามา มีข้อยกเว้นไม่ต้องรับผิดตามมาตรา 675 วรรคท้ายเพียงว่าหากการนั้นเกิดจากเหตุสุดวิสัย หรือแต่สภาพแห่งทรัพย์สินหรือจากความผิดของคนเดินทางหรือแขกอาศัยผู้นั้นเอง หรือบริวารของเขา หรือบุคคลซึ่งเขาได้ต้อนรับ ซึ่งคดีนี้จำเลยได้ให้การต่อสู้ว่า การที่รถยนต์สูญหายเป็นความผิดของนายเจอรี่เองที่มิได้ใช้ความระมัดระวังในการดูแลรักษารถยนต์อย่างเช่นวิญญูชนพึงจะปฏิบัติ เพราะแทนที่นายเจอรี่จะแจ้งให้จำเลยทราบว่าจะนำรถยนต์เข้าจอดในโรงแรมวันเวลาใด เพื่อจำเลยจะจัดการดูแลให้เรียบร้อย แต่นายเจอรี่ก็มิได้แจ้งให้จำเลยทราบกลับมอบให้นายสมบูรณ์ผู้ขับรถเป็นผู้ดูแลรักษา จำเลยจึงมิอาจทราบได้ว่านายสมบูรณ์ได้นำรถยนต์ดังกล่าวเข้าจอดในที่จอดรถของโรงแรมหรือไม่ และจอดไว้เมื่อเวลาใด ตามคำให้การจำเลยดังกล่าวอ้างว่า นายเจอรี่จะต้องแจ้งแก่จำเลยว่ามีรถยนต์มาด้วย แต่นายเจอรี่ไม่ได้แจ้งเห็นว่า รถยนต์ไม่ใช่ของมีค่าเป็นพิเศษตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 675 วรรคสองจึงไม่จำต้องแจ้งแก่ทางโรงแรมดังจำเลยอ้าง ดังนั้นการที่นายเจอรี่ไม่ได้แจ้งแก่จำเลยถึงรถยนต์ที่นำมาก็ไม่เป็นความบกพร่องของนายเจอรี่แต่อย่างใด ส่วนที่จำเลยนำสืบว่าบริเวณที่รถหายไปนั้นเป็นบริเวณจอดรถสำหรับแขกผู้มารับประทานอาหารของโรงแรม ส่วนแขกที่มาพักที่โรงแรมทางโรงแรมจะให้นำรถไปจอดที่บริเวณด้านหลังโรงแรมซึ่งมีรั้วรอบขอบชิด มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูแลนั้น เป็นการนำสืบนอกเหนือจากที่ให้การไว้ไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ ที่ศาลอุทธรณ์ยกประเด็นข้อนี้ขึ้นวินิจฉัยจึงไม่ชอบ ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลล่าง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยนายสมบูรณ์นำรถมาจอดไว้ ณที่จอดรถของโรงแรม ถือได้ว่าเป็นการพาทรัพย์สินมาที่โรงแรมแล้วเมื่อรถสูญหายไปทางโรงแรมจำเลยจึงต้องรับผิดชอบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 674 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา”
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share