คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 52/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อฟ้องโจทก์บรรยายว่า ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายถึงสาหัสโดยแจ้งชัดตามกฎหมายว่าสาหัสทุพพลภาพป่วยเจ็บเรื้อรังซึ่งอาจถึงตลอดชีวิต ขาเป๋และทุพพลภาพป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วัน และจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 เมื่อจำเลยรับสารภาพแล้ว และเมื่อนับจากวันเกิดเหตุที่ผู้เสียหายถูกจำเลยทำร้ายจนถึงวันที่โจทก์ฟ้องและจำเลยรับสารภาพก็เป็นเวลาร่วม 10 เดือน ซึ่งเท่ากับจำเลยยอมรับในข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว จึงเป็นบาดแผลสาหัสตามกฎหมายจริงโดยไม่มีข้อโต้แย้งคัดค้าน ศาลจึงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง จำเลยให้การรับสารภาพว่า เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2510 เวลา 18 นาฬิกา จำเลยมีอาวุธปืนหนึ่งกระบอก กระสุน 3 นัด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ในวันเดียวกันเวลา 19.00 นาฬิกา จำเลยได้กระทำโดยประมาทปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นจำเลยจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ แต่จำเลยหาได้ใช้ให้เพียงพอไม่ กล่าวคือจำเลยมึนเมาสุราถืออาวุธปืนดังกล่าวที่บรรจุกระสุนและส่งกระสุนขึ้นลำกล้องไว้แล้ว จำเลยเอานิ้วมือสอดในโกร่งไกปืน นิ้วมือจึงเหนี่ยวไกทำปืนลั่นขึ้น กระสุนปืนถูกนายสวง จันทร์ขำ ที่ขาซ้าย ถูกนายสนอง นรรัตน์ ที่ข้อเท้าซ้ายเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บถึงสาหัสทุพพลภาพป่วยเจ็บเรื้อรังซึ่งอาจถึงตลอดชีวิต ขาเป๋ ด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วัน และประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกิน 20 วัน

ศาลชั้นต้นเห็นว่า ตามรายงานชันสูตรบาดแผล แพทย์ว่ารักษาบาดแผลตามหลักวิชาจะหายภายใน 15 วัน และไม่ปรากฏว่าแพทย์ลงความเห็นว่าผู้บาดเจ็บจะทุพพลภาพหรือพิการแต่ประการใด จึงพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บโดยประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390 ปรับ 500 บาท ผิดพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 ปรับ 200 บาท รวม 700 บาท จำเลยรับสารภาพ ลดกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ปรับ 350 บาท ของกลางคืนเจ้าของ

โจทก์อุทธรณ์ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 300 จำคุก 2 ปี ผิดพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 ปรับ 200 บาท จำเลยรับสารภาพโดยดีมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี ปรับ 100 บาท ของกลางคืนเจ้าของ

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ได้บรรยายข้อเท็จจริงถึงผลที่ผู้เสียหายทั้งสองได้รับอันตรายแก่กายถึงสาหัสโดยแจ้งชัดตามกฎหมายว่าสาหัสทุพพลภาพป่วยเจ็บเรื้อรังซึ่งอาจถึงตลอดชีวิต ขาเป๋และทุพพลภาพป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วัน และจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ข้อเท็จจริงเช่นนี้ต้องถือว่าจำเลยรับสารภาพแล้วเมื่อนับแต่วันเกิดเหตุที่ผู้เสียหายถูกจำเลยทำร้ายจนถึงวันที่โจทก์ฟ้องและจำเลยรับสารภาพก็เป็นเวลาร่วม 10 เดือน ซึ่งเท่ากับจำเลยยอมรับในข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้วว่าเป็นบาดแผลซึ่งก่อให้เกิดผลในฟ้องแล้วจริง อันมีลักษณะเป็นบาดแผลสาหัสตามกฎหมายจริงโดยไม่มีข้อโต้แย้งคัดค้าน ศาลจึงต้องพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300

พิพากษายืน

Share