คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5198/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 108 ได้ให้อำนาจศาลในการแก้ไขคำสั่งของศาลที่อนุญาตคำขอชำระหนี้ของเจ้าหนี้ได้แม้คำสั่งศาลจะถึงที่สุดแล้วก็ตาม ถ้าต่อมาปรากฏว่าศาลได้สั่งไปโดยหลงผิดตามจำนวนที่อนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ โดยความจริงลูกหนี้ไม่ได้เป็นหนี้ หรือเป็นหนี้ไม่ถึงจำนวนตามที่อนุญาตไปแล้ว แต่ทั้งนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องเป็นผู้ยื่นคำร้องต่อศาล คดีนี้จำเลยยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์คัดค้านบัญชีส่วนแบ่งของเจ้าหนี้รายหนึ่ง อ้างว่า คำขอรับชำระหนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งที่กรรมการของจำเลยเคยให้การยอมรับว่าเป็นหนี้จริงโดยมิได้โต้แย้งคัดค้านมูลหนี้ที่เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้มา เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ซึ่งย่อมหมายความรวมถึงการพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่มีเหตุอันควรเชื่อว่าหนี้ที่จำเลยคัดค้านซึ่งศาลได้มีคำสั่งอนุญาตให้ได้รับชำระหนี้แล้วนั้นเป็นคำสั่งที่ศาลสั่งไปโดยหลงผิด จึงไม่ใช้อำนาจยื่นคำร้องต่อศาลขอให้แก้ไขคำสั่งตามมาตรา 108 ดังนี้ จำเลยจึงไม่อาจยื่นคำร้องต่อศาลได้ด้วยตนเอง ทั้งมิใช่กรณีที่จำเลยจะร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ศาลแก้ไขคำสั่งที่สั่งไปโดยหลงผิดด้วยเช่นกัน เพราะหากให้จำเลยยื่นคำร้องขอเช่นว่านั้นได้ ก็เท่ากับว่าศาลต้องพิจารณาคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ซ้ำในปัญหาเดียวกันอีก โดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มิได้เห็นเป็นอย่างอื่นและมิใช่เป็นผู้ยื่นคำร้องดังกล่าวขึ้นมาเอง และก็มิใช่กรณีที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำวินิจฉัยโดยมิชอบด้วยกฎหมายอันเป็นเหตุให้จำเลยได้รับความเสียหายตามมาตรา 146

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดและพิพากษาให้จำเลยล้มละลาย ต่อมาศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งอนุญาตให้บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์บ้านและที่ดินไทย จำกัด เจ้าหนี้รายที่ 274 ได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของจำเลยคำสั่งถึงที่สุดแล้ว
จำเลยยื่นคำร้องคัดค้านบัญชีส่วนแบ่งต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่า คำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายที่ 274 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยยื่นคำร้องว่า คำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายที่ 274 นั้น ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ได้รับชำระหนี้ไปโดยหลงผิด เนื่องจากการมอบอำนาจในการขอรับชำระหนี้ไม่ถูกต้องจึงไม่ชอบ ภายหลังยื่นคำขอรับชำระหนี้แล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ออกประกาศให้เจ้าหนี้รายที่ 274 หยุดทำการและต่อมาได้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการของเจ้าหนี้รายที่ 274 พร้อมแต่งตั้งนายเติมศักดิ์ กฤษณามาระ เป็นผู้ชำระบัญชี การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่สอบสวนนายเติมศักดิ์แล้วมีความเห็นเสนอต่อศาลว่าควรอนุญาตให้เจ้าหนี้รายที่ 274 ได้รับชำระหนี้ จึงเป็นการสอบสวนที่ไม่ชอบ นอกจากนั้นหนี้ของเจ้าหนี้รายที่ 274 ที่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ก็เป็นหนี้ที่ไม่อาจขอรับชำระหนี้ได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 94 (2) การที่ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งอนุญาตให้เจ้าหนี้รายที่ 274 ได้รับชำระหนี้จึงเป็นการสั่งไปโดยหลงผิด ขอให้ศาลมีคำสั่งยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายที่ 274 หรือมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำร้องขออนุญาตศาลให้แก้ไขข้อหลงผิดโดยให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายที่ 274
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำคัดค้านว่า คดีนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้จัดทำบัญชีส่วนแบ่งครั้งที่ 1 และได้ให้บรรดาเจ้าหนี้และลูกหนี้มาตรวจรับบัญชีส่วนแบ่งดังกล่าว ซึ่งการคัดค้านบัญชีส่วนแบ่งตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 127 จะต้องมีประเด็นหรือปรากฏข้อเท็จจริงว่าบัญชีส่วนแบ่งนั้นทำขึ้นโดยไม่ถูกต้องอย่างไร เพื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะได้พิจารณาสั่งตามที่เห็นสมควร แต่จำเลยกลับคัดค้านในประเด็นเรื่องมูลหนี้ตามคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายที่ 274 ทั้งที่กรรมการของจำเลยเคยให้การต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในชั้นสอบสวนคำขอรับชำระหนี้ยอมรับว่าเป็นเจ้าหนี้รายที่ 274 จริง เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงทำความเห็นอนุญาตให้เจ้าหนี้รายที่ 274 ได้รับชำระหนี้ ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้เจ้าหนี้รายที่ 274 ได้รับชำระหนี้ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ หากจำเลยไม่เห็นด้วยก็ต้องใช้สิทธิอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นภายใน 1 เดือน นับแต่ได้รับแจ้งคำสั่งศาล จำเลยไม่อุทธรณ์ คำสั่งดังกล่าวจึงถึงที่สุด จำเลยจะมาร้องคัดค้านต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในชั้นการแบ่งทรัพย์สินย่อมไม่ชอบ ทั้งกรณีตามคำร้องของจำเลยก็มิใช่เป็นกรณีที่คำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ซึ่งศาลได้สั่งอนุญาตแล้วนั้นศาลได้สั่งไปโดยหลงผิดตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 108 คำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่ให้ยกคำร้องของจำเลยจึงชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายแล้ว ขอให้ยกคำร้อง
ศาลช้นต้นนัดไต่สวนคำร้องแล้ว เมื่อถึงวันนัดเห็นว่าคดีไม่จำต้องไต่สวน จึงให้งดการไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีล้มละลายพิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายที่ 274 ซึ่งศาลมีคำสั่งถึงที่สุดอนุญาตให้เจ้าหนี้รายนี้ได้รับชำระหนี้แล้วได้หรือไม่ เห็นว่า พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 108 บัญญัติว่า “คำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ซึ่งศาลได้สั่งอนุญาตแล้วนั้น ถ้าต่อมาปรากฏว่าศาลได้สั่งไปโดยหลงผิด เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำขอโดยทำเป็นคำร้อง ศาลมีอำนาจยกคำขอรับชำระหนี้หรือลดจำนวนหนี้ที่ได้สั่งอนุญาตไปแล้วได้” ซึ่งหมายความว่า แม้คำสั่งศาลจะถึงที่สุดแล้วก็ตาม แต่กฎหมายได้ให้อำนาจศาล ถ้าปรากฏว่าศาลมีคำสั่งอนุญาตตามคำขอรับชำระหนี้โดยหลงผิดตามจำนวนที่อนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้โดยความจริงลูกหนี้ไม่ได้เป็นหนี้ หรือเป็นหนี้ไม่ถึงจำนวนตามที่อนุญาตไปแล้ว ศาลย่อมมีอำนาจแก้ได้ แต่ทั้งนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องเป็นผู้ยื่นคำร้องดังกล่าวต่อศาล โดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์พบเองก็ดี หรือลูกหนี้ได้แสดงพยานหลักฐานต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้เห็นเป็นความจริงก็ดี คดีนี้ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยยื่นคำร้องลงวันที่ 7 ตุลาคม 2543 คัดค้านบัญชีส่วนแบ่งของเจ้าหนี้รายที่ 274 ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่า คำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายที่ 274 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งที่กรรมการของจำเลยเคยให้การยอมรับว่าเป็นหนี้เจ้าหนี้รายที่ 274 จริง โดยมิได้โต้แย้งคัดค้านมูลหนี้ที่เจ้าหนี้รายที่ 274 ยื่นคำขอรับชำระหนี้มา ดังนั้น เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รับคำร้องของจำเลยและทำการไต่สวนแล้วมีคำสั่งเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2545 ให้ยกคำร้องของจำเลยนั้น ย่อมหมายความรวมถึงเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าไม่มีเหตุอันควรเชื่อว่าหนี้ที่จำเลยคัดค้านบัญชีส่วนแบ่งของเจ้าหนี้รายที่ 274 ซึ่งศาลได้มีคำสั่งอนุญาตให้ได้รับชำระหนี้แล้วนั้นเป็นคำสั่งที่ศาลสั่งไปโดยหลงผิด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงไม่ใช้อำนาจยื่นคำร้องต่อศาลขอให้แก้ไขคำสั่งตามมาตรา 108 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ด้วยเหตุนี้จำเลยย่อมไม่อาจยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ศาลแก้ไขคำสั่งที่สั่งไปโดยหลงผิดด้วยตนเอง ทั้งไม่ใช่กรณีที่จำเลยจะร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ศาลแก้ไขคำสั่งที่สั่งไปโดยหลงผิดด้วยเช่นกัน เพราะหากให้จำเลยยื่นคำร้องขอเช่นว่านั้นได้ก็เท่ากับว่าศาลต้องพิจารณาคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายที่ 274 ซ้ำในปัญหาเดียวกันนั้นอีก โดยที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็มิได้มีความเห็นเป็นอย่างอื่น และมิใช่เป็นผู้ยื่นคำร้องดังกล่าวขึ้นมาเอง อันมิใช่ความมุ่งหมายตามบทบัญญัติมาตรา 108 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 นอกจากนี้มิใช่กรณีที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำวินิจฉัยโดยมิชอบด้วยกฎหมายอันเป็นเหตุให้จำเลยได้รับความเสียหายตามมาตรา 146 ที่ศาลล่างทั้งสองยกคำร้องของจำเลยมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share