แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทำสัญญาเช่าตึกพิพาทจากโจทก์ และมีข้อความในสัญญาเช่าด้วยว่าจำเลยยอมให้สิ่งของต่างๆ ที่นำมาไว้ในตึกพิพาทตกเป็นสมบัติของโจทก์นั้น ถือได้ว่าเป็นเงื่อนไขประการหนึ่งแห่งสัญญาเช่า เป็นการตอบแทนในการที่โจทก์ให้จำเลยเช่าตึกพิพาท มิใช่เป็นคำมั่นว่าจะให้จึงผูกพันจำเลยตามสัญญา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าตึกแถวของโจทก์ ครบกำหนดสัญญาเช่าแล้วจำเลยอยู่ในตึกที่เช่าโดยไม่มีสัญญาเช่า โจทก์ให้ทนายความบอกเลิกการเช่าตึก และให้จำเลยส่งมอบสิ่งของต่าง ๆ ตามสำเนาบัญชีท้ายฟ้องตามสัญญาให้โจทก์ จำเลยขัดขืน ขอพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกไปจากตึกแถวของโจทก์ และส่งมอบสิ่งของต่าง ๆ ตามสำเนาบัญชีท้ายฟ้อง
จำเลยให้การและเพิ่มเติมคำให้การว่า ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยจำเลยซื้อที่ดินโดยลงชื่อโจทก์ซื้อแทน ตึกที่พิพาทจำเลยสร้างขึ้นในนามของโจทก์ สัญญาเช่าเป็นนิติกรรมอำพรางบัญชีทรัพย์ตามสำเนาสัญญาเช่าข้อ ๖ ในวันที่ระบุในสัญญาเช่ายังไม่มีในตึกพิพาท จำเลยไม่เคยคิดจะให้โจทก์ กรณีที่โจทก์อ้างเป็นเพียงคำมั่น มิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้อง สัญญาที่โจทก์นำมาฟ้องเกิดจากการแสดงเจตนาลวง ตกเป็นโมฆะ
ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากตึกพิพาทให้จำเลยส่งมอบสิ่งของต่าง ๆ ตามสำเนาบัญชีสิ่งของท้ายฟ้องแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยทำสัญญายอมให้สิ่งของต่าง ๆที่นำมาใช้ในตึกพิพาทที่เช่าจากโจทก์ ตกเป็นสมบัติของโจทก์ตามหนังสือสัญญาเช่าเอกสารหมาย จ.๒ ข้อ ๖ นั้น เป็นเงื่อนไขประการหนึ่งแห่งสัญญาเช่า เป็นการตอบแทนในการที่โจทก์ให้จำเลยเช่าตึกพิพาทมิใช่เป็นคำมั่นว่าจะให้ตามที่จำเลยฎีกา จึงผูกพันจำเลยตามสัญญา
พิพากษายืน