แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
อายุความฟ้องเรียกทรัพย์ตามข้อกำหนดในพินัยกรรมตามป.พ.พ. มาตรา 1754 วรรค 2 นั้น ถืออายุความ 1 ปี นับแต่เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาตามพินัยกรรม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๕ ธ.ค. ๒๔๙๕ นายแปลก เพ็ชร์มุขตายไปโดยทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้ตามพินัยกรรมลงวันที่ ๑๓ ธ.ค.๒๔๙๕ ตามข้อกำหนดพินัยกรรมกล่าวว่า ให้จำเลยนำเงิน ๓๕,๐๐๐ บาทให้แก่โจทก์มีส่วนได้เท่า ๆ กัน ให้เสร็จสิ้นไปภายใน ๓ ปี ในปีหนึ่งไม่น้อยกว่า ๑๐,๐๐๐ บาท หากจำเลยไม่นำเงินให้ ให้เอาทรัพย์สินที่จำเลยควรได้ตามพินัยกรรมยกให้เท่าราคาจำนวนที่ระบุไว้ตามราคาซื้อขายในตลาดปัจจุบัน พ้นกำหนด ๑ ปีแรกนับแต่นายแปลกตาย จำเลยก็ไม่จ่ายเงินตามข้อกำหนดในพินัยกรรมให้โจทก์ จำเลยได้รับทรัยพ์ไว้ตามพินัยกรรมหลายรายการ แต่จำเลยบิดพริ้วไม่จ่ายให้ โจทก์ จึงฟ้องเรียกเงินดังกล่าว
จำเลยให้การว่า ยังไม่ได้รับทรัพย์สินครบตามพินัยกรรมอันจะทำการแบ่งปันให้แก่โจทก์ได้ตามเงื่อนไขในพินัยกรรม โดยโจทก์ที่ ๑ เป็นฝ่ายก่อให้เกิดขึ้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิจะฟ้องเรียกเงินตามพินัยกรรม และตัดฟ้องว่าเป็นฟ้องซ้ำและคดีขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นงดสืบพยาน พิพากษาว่าคดีโจทก์ขาดอายุความและไม่เป็นฟ้องซ้ำ พิพากษาให้จำเลยมอบเงิน ๓๕,๐๐๐ บาทแก่โจทก์
จำเลยฎีกาศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้เป็นเรื่องฟ้องเรียกเงินตามสิทธิที่มีอยู่ในพินัยกรรมตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๗๕๔ วรรค ๒ ฉะนั้น ภายในระยะเวลา ๑ ปี หรือ ๓ ปีแล้วแต่กรณี โจทก์ยังมีสิทธิที่จะเรียกร้องไม่ จึงต้องถือว่าโจทก์เพิ่งจะรู้หรือควรได้รู้ถึงสิทธิที่จะได้รับตามพินัยกรรมเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาตามพินัยกรรมแล้ว คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ แต่ตามฟ้องและตามคำให้การยังโต้เถียงกันซึ่งศาลชั้นต้นยังมิได้ดำเนินการพิจารณา
และวินิจฉัย ข้อเท็จจริง และที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงเรื่องฟ้องซ้ำมา ก็ปรากฎว่ายังมิได้ระบุพยานและเสียค้าอ้าง จึงยกคำพิพากษาศาลทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณา แล้วพิพากษาใหม่