คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1258/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทนายดำเนินกระบวนพิจารณาแทนโจทก์มาตั้งแต่ศาลชั้นต้นจนเสร็จสำนวนแล้วลงชื่อยื่นฟ้องอุทธรณ์แทนโจทก์อีก แต่มิได้มีการแต่งทนายไว้ เพราะความพลั้งเผลอทั้งมิได้ประวิงคดีหรือเอาเปรียบในเชิงคดีและศาลชั้นต้นก็ได้สั่งรับอุทธรณ์เมื่อคดีมาถึงชั้นศาลฎีกาตัวโจทก์ก็ได้แต่งทนายผู้นี้ไว้แล้วในวันยื่นฎีกา ดังนี้แม้จะเป็นการปฏิบัติผิด ป.วิ.แพ่ง ก็สมควรที่ศาลจะอนุญาตให้ทำเสียให้ถูกต้องได้ตาม มาตรา 27 และพอถือได้ว่าการพิจารณาและการอุทธรณ์เป็นการชอบแล้ว
(เทียบฎีกาที่ 1894/2499)

ย่อยาว

ฟ้องกันเรื่องค้ำประกันว่า โจทก์ต้องใช้เงินแทนจำเลยค่าซื้อยางรถยนต์ให้แก่บริษัทผู้ขายเพราะจำเลยไม่ชำระค่ายางนั้น จำเลยสู้ว่า ไม่ใช่ค้ำประกันแต่เป็นการไปรับยางมาแทนโจทก์
ศาลแพ่งฟังว่าเป็นการค้ำประกัน แต่เอกสารการค้ำประกันมิได้ปิดอากรแสตมป์จึงเป็นหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ โดยนายชัยวัฒน์ทนายเซ็นชื่อเป็นผู้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า นายชัยวัฒน์มิได้รับแต่งตั้งเป็นทนาย ไม่มีสิทธิเซ็นชื่อในอุทธรณ์ จึงพิพากษายกอุทธรณ์โดยไม่วินิจฉัยประเด็นแห่งคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า นายชัยวัฒน์ได้ซักค้านพยานโจทก์จำเลยมาตั้งแต่แรกเริ่มการพิจารณาจนเสร็จสำนวนโดยมิได้มีการแต่งทนาย ครั้นศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์แพ้นายชัยวัฒน์ลงชื่อเป็นผู้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ก็สั่งรับ เห็นว่าโจทก์มิได้ประวิงความหรือเอาเปรียบในเชิงคดีหากเป็นด้วยพลั้งเผลอ แม้จะผิดต่อ ป.วิ.แพ่ง ก็สมควรที่ศาลจะอนุญาตให้ทำเสียให้ถูกตาม มาตรา ๒๗ และ โจทก์ก็ได้แต่งตั้งนายชัยวัฒน์เป็นทนายในวันยื่นฎีกาแล้วพอถือได้ว่าการพิจารณาและการอุทธรณ์เป็นการชอบแล้วตามนัย ฎีกาที่ ๑๘๙๔/๒๔๙๙ จึงพิพากษายกคำพิพากษา (เทียบฎีกาที่ ๑๘๙๔/๒๔๙๙) ศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share