คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 517/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สารสำคัญขององค์ความผิดฐานปลอมเครื่องหมายการค้าอยู่ที่เจตนาของการปลอมฉะนั้น เมื่อจำเลยมีเจตนาทำปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นแล้ว แม้โจทก์จะได้บรรยายฟ้อง ว่าจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในหรือนอกราชอาณาจักร จึงไม่ใช่ข้อสำคัญ คงเป็นแต่เพียงรายละเอียดในการบรรยายฟ้องเท่านั้น

ย่อยาว

คดีนี้ได้ความว่า เดิมโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสองในข้อหาว่า ปลอมเครื่องหมายการค้าซีแซด จำเลยให้การปฏิเสธก่อนสืบพยาน โจทก์ของแก้ฟ้อง คำว่า ซีแซด เป็นแซดโอ ศาลอนุญาต
ครั้งแรกศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ทางพิจารณาแตกต่างกับฟ้องในสารสำคัญ ให้ยกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ เพราะโจทก์ได้แก้ฟ้องแล้ว
ศาลชั้นต้นพิจารณาใหม่แล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๓ ให้วางโทษจำคุก ๖ เดือน ลดโทษ ๑ ใน ๓ คงให้จำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๔ เดือน ริบของกลาง ส่วนข้อหาเฉพาะจำเลยที่ ๑ ให้ยกฟ้อง
โจทก์และจำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อโต้เถียงของจำเลยที่ ว่า ข้อเท็จจริงตามฟ้องต่างกับทางพิจารณา ลงโทษจำเลยไม่ได้นั้น นอกจากเหตุผลที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้ว ยังปรากฏข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นได้หยิบยกขึ้นกล่าวไว้ในคำพิพากษาอีกด้วยว่า ในปัญหาข้อเท็จจริงนั้น ปรากฏว่า แว่นตาของกลางส่วนที่มีการจารึกเครื่องหมายแซคโอ นั้น ศาลได้ดูแล้วปรากฏว่า เครื่องหมายเหมือนกันสินค้าที่แท้จริงของผู้เสียหาย ทั้งทางนำสืบของโจทก์ก็ได้ความชัดว่า เป็นของปลอม จำเลยเองก็ไม่ได้โต้เถียงว่า ไม่เป็นของปลอม จำเลยที่ ๒ เองก็เบิกความรับว่า ได้ใช้เครื่องจัดกระจกของกลาง จัดกระจกทำแว่นตาปลอมจริงและได้รับทำยี่ห้ออื่น ๆ หลายยี่ห้อด้วย ดังนี้ เพื่อพิเคราะห์ความข้อนี้ ประกอบกับของกลางทั้งหมดที่จับได้ ซึ่งจำเลยปลอมของผู้อื่นอีกหลายอย่างด้วยแล้ว จึงเห็นได้ชัดว่าจำเลยมีเจตนาทำปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นอันเป็นความผิด ฉะนั้น ข้อที่โจทก์จะได้บรรยายฟ้องว่าจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในประเทศหรือนอกราชอาณาจักร จึงไม่ใช่สารสำคัญขององค์ความผิด เพราะจะเป็นความผิดหรือไม่อยู่ที่เจตนาของการปลอม จดทะเบียนที่ไหน จึงคงเป็นแต่รายละเอียดดังที่ศาลอุทธรณ์ได้กล่าวไว้แล้ว ข้อที่จำเลยวิงวอนขอให้ลงโทษจำเลยในสถานเบานั้น ศาลนี้เห็นว่า แม้จำเลยได้เจตนทำปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นแล้ว จำเลยก็ยังหาได้สำนึกในความผิดของตนไม่ คงพยายามต่อสู้ทุกวิถีทางโดยตลอดมา การที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยมาแล้วเพียงเท่านี้ ก็นับว่ากรุณาจำเลยมากอยู่แล้ว ไม่มีเหตุที่ควรเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลย

Share