คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 517/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

นายหน้าได้ชักนำผู้ซื้อมาตกลงทำสัญญาซื้อขายกับผู้ขายตามความประสงค์ของผู้ขายที่ได้ตกลงไว้กับนายหน้าแล้ว นับว่านายหน้าได้ปฏิบัติหน้าที่ครบถ้วนตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 845 แล้วแม้ภายหลังผู้ซื้อผิดสัญญากับผู้ขาย โดยไม่มีเงินไปชำระแก่ผู้ขายก็ตาม ก็เป็นเรื่องของผู้ขายจะว่ากล่าวแก่ผู้ซื้อไม่เกี่ยวแก่นายหน้าอย่างใด ฉะนั้นนายหน้าย่อมมีสิทธิได้รับค่านายหน้าตามที่ตกลงไว้กับผู้ขาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเรียกค่านายหน้าขายที่ดินจากจำเลย
คดีได้ความว่า จำเลยได้ทำสัญญาตกลงให้โจทก์เป็นหน้าจัดการขายที่ดินของจำเลย โจทก์ได้พานางเริงจิตต์ แจรงมาหาจำเลยได้ตกลงซื้อที่ดินรายนี้เป็นเงิน ๕๒๑๘๕ บาท และได้วางเงินมัดจำไว้หนึ่งหมื่นบาทและนัดไปโอนกรรมสิทธิกัน แต่นางเริงจิตต์แจรงผิดนัด เพราะรวบรวมเงินไม่ได้ ภายหลังจำเลยได้ขายที่รายนี้ให้นางพยงค์ไปเป็นเงิน ๕๐,๐๐๐ บาท โจทก์จึงฟ้องคดีนี้
ศาลชั้นต้น+โจทก์ ได้ปฏิบัติหน้าที่ของโจทก์ในฐานะเป็นนายหน้าครบถ้วนแล้ว จำเลยต้องให้ค่านายหน้าแก่โจทก์พิพากษาให้จำเลยใช้เงินค่านายหน้าตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เรื่องนี้โจทก์ผู้เป็นนายหน้าได้ชักนำผู้ซื้อมาตกลงทำสัญญาซื้อขายกับจำเลยตามประสงค์ของจำเลย ที่ได้ตกลงไว้กับโจทก์ นับว่าโจทก์ได้ปฏิบัติหน้าที่ครบถ้วนตาม ป.ม.แพ่ง ฯมาตรา ๘๔๕ ส่วนการที่ผู้ซื้อผิดสัญญากับจำเลยนั้นเป็นเรื่องของจำเลยจะว่ากล่าวแก่ผู้ซื้อ ไม่เกี่ยวแก่โจทก์อย่างใดโจทก์ย่อมมีสิทธิได้รับค่านายหน้าตามที่ตกลงไว้กับจำเลยดังคำวินิจฉัยของศาลล่างทั้งสอง แต่ในเรื่องนี้โจทก์ฟ้องเรียกค่านายหน้าเต็มจำนวนมิได้หักค่าโอนค่าทำหนังสือดังปรากฎในสัญญาซึ่งโจทก์มีหน้าที่ต้องเสีย ฉะนันจึงให้คิดหักค่าโอนค่าทำหนังสือในจำนวนเงิน ๕๒๑๘๕ บาท จำนวนเงิน ๕๔๙.๗๔ บาท
จึงพิพากษาแก้ให้จำเลยใช้เงิน ๔๖๓๕.๒๖ บาทกับดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะใช้เงินเสร็จ

Share