คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5161/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเพียงใช้ลูกกุญแจจี้ที่เอวผู้เสียหาย ทรัพย์ที่จำเลยเอาไปมีเพียงปากกาเขียนแบบกับดินสอ ซึ่งมีราคาไม่มากนัก มิได้เอาทรัพย์อย่างอื่นไปด้วย เมื่อผู้เสียหายขอคืนโดยอ้างว่าจะสอบในวันรุ่งขึ้น จำเลยยอมคืนดินสอ ให้โดยดี ส่วนปากกาเขียนแบบจำเลยบอกให้ไปรับคืนที่โรงเรียนที่จำเลยกำลังศึกษาอยู่ หลังเกิดเหตุจำเลยไม่ได้หลบหนี ผู้เสียหายนำเจ้าพนักงานตำรวจไปจับกุมจำเลยได้ห่างจากที่เกิดเหตุเพียงประมาณ 200 เมตร ลักษณะการกระทำของจำเลยดังกล่าวแสดงว่าจำเลยมิได้มีเจตนาลักทรัพย์ของผู้เสียหายจริงจัง แต่เห็นได้ว่าเป็นการกระทำด้วยความคึกคะนองตามประสา วัยรุ่นที่โง่เขลาการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์
การที่จำเลยใช้ลูกกุญแจจี้ที่เอวผู้เสียหายแล้วดึงปากกาเขียนแบบกับดินสอ ซึ่งเหน็บอยู่ที่สมุดของผู้เสียหายไปนั้น เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาใช้ลูกกุญแจดังกล่าวอย่างอาวุธ และมีเจตนาให้ผู้เสียหายเกิดความเกรงกลัวไม่กล้าขัดขืน ถือได้ว่าเป็นการข่มขืนใจผู้เสียหายให้จำยอมตามความประสงค์ของจำเลย โดยทำให้ผู้เสียหายเกิดความกลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ หรือทรัพย์สิน จำเลยจึงมีความผิดฐานทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพโดยใช้อาวุธ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 309 วรรคสอง จำเลยมีอายุไม่เกิน 20 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 จำคุก 2 ปี และปรับ 3,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุก 1 ปี ปรับ 1,500 บาท จำเลยยังเป็นนักเรียนและไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว โทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด 2 ปี หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้บังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติของกระทรวงยุติธรรมทุก 4 เดือน เป็นเวลา 1 ปีหากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 57 คำขออื่นของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (9) และวรรคสอง ลดมาตราส่วนโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 แล้ว จำคุก 1 ปี และปรับ 2,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุก 6 เดือน และปรับ 1,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้ 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้บังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 4 เดือน เป็นเวลา 1 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา โดยอธิบดีกรมอัยการรับรองว่ามีเหตุอันสมควรที่ศาลฎีกาจะได้วินิจฉัย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาตามที่โจทก์ฎีกาว่า การกระทำของจำเลยนั้นเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์หรือไม่ เห็นว่า จำเลยเพียงใช้ลูกกุญแจจี้ที่เอวผู้เสียหายมิได้ใช้อาวุธที่ร้ายแรง ทรัพย์ที่จำเลยเอาไปมีเพียงปากกาเขียนแบบกับดินสอซึ่งมีราคาไม่มากมิได้เอาทรัพย์อย่างอื่นไปด้วย เมื่อผู้เสียหายขอคืนโดยอ้างว่าจะสอบในวันรุ่งขึ้น จำเลยก็ยอมคืนดินสอให้โดยดี ส่วนปากกาเขียนแบบจำเลยบอกให้ผู้เสียหายไปรับคืนที่โรงเรียนช่างกลไทยสุริยะที่จำเลยกำลังศึกษาอยู่ หลังเกิดเหตุจำเลยก็ไม่ได้หลบหนีผู้เสียหายนำเจ้าพนักงานตำรวจไปจับกุมจำเลยได้ห่างจากที่เกิดเหตุเพียงประมาณ 200 เมตร ลักษณะการกระทำของจำเลยดังกล่าวแสดงว่าจำเลยมิได้มีเจตนาลักทรัพย์ผู้เสียหายจริงจัง เพราะผิดปกติวิสัยของคนร้ายที่มุ่งประสงค์ลักทรัพย์ของผู้อื่น แต่เห็นได้ว่าเป็นการกระทำด้วยความคึกคะนองตามประสาวัยรุ่นที่โง่เขลาการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น แต่การที่จำเลยใช้ลูกกุญแจจี้ที่เอวผู้เสียหายแล้วดึงปากกาเขียนแบบกับดินสอซึ่งเหน็บอยู่ที่สมุดของผู้เสียหายไปนั้น แม้จำเลยเพียงใช้ลูกกุญแจซึ่งมิใช่อาวุธโดยสภาพจี้ผู้เสียหาย แต่ก็เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาใช้ลูกกุญแจดังกล่าวอย่างอาวุธ และกระทำเช่นนั้นโดยมีเจตนาให้ผู้เสียหายเกิดความเกรงกลัวไม่กล้าขัดขืน ถือได้ว่าเป็นการข่มขืนใจผู้เสียหายให้จำยอมตามความประสงค์ของจำเลย โดยทำให้ผู้เสียหายเกิดความกลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกายเสรีภาพ หรือทรัพย์สิน จำเลยจึงมีความผิดฐานทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพโดยใช้อาวุธซึ่งเป็นการกระทำส่วนหนึ่งที่โจทก์บรรยายมาในฟ้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 309 วรรคสอง แต่คงให้โทษจำเลยและให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share