คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 516/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ขณะฟ้องจำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504 ในระหว่างศาลฎีกาทำการพิจารณาคดีนี้ปรากฏว่า พระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดินพ.ศ. 2504 มาตรา 21 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2511 มาตรา 3กำหนดให้พระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504 เฉพาะมาตรา 11 และ 17 ใช้บังคับได้เพียง 8 ปี นับแต่พระราชบัญญัติ ควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. 2504 ใช้บังคับ (ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2504) มาตรา 11 และ17 ดังกล่าวจึงไม่มีผลบังคับหรือเลิกใช้บังคับแล้ว จำเลยไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายดังกล่าวต่อไปดังนี้ ศาลฎีกาจะยกเอาความสิ้นสุดของพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดินฯ ดังกล่าว ในระหว่างพิจารณามาเป็นเหตุพิพากษาขับไล่จำเลยไม่ได้ เพราะเหตุที่ศาลจะยกขึ้นพิพากษาขับไล่จำเลยได้ จะต้องเป็นเหตุที่มีอยู่ตามกฎหมายที่ใช้บังคับในขณะฟ้อง
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 9/2513)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ ๘๔๕๖ โดยรับซื้อมาซึ่งในขณะนั้นมีบ้านเลขที่ ๑๓๑ ปลูกอยู่ในที่ดินบางส่วน โดยเจ้าของกรรมสิทธิ์เดิมให้นายชม สิงหเพ็ชร เช่าที่ดินดังกล่าวเพื่อปลูกบ้านเป็นที่อยู่อาศัย และโจทก์ให้นายชมเช่าที่ดินเนื้อที่ดังกล่าวต่อมา นายชมไม่ชำระค่าเช่าให้โจทก์ จำเลยอ้างว่าเป็นภรรยานายชม เข้าครอบครองอยู่ในบ้านดังกล่าวโดยไม่ชำระค่าเช่าเกินกว่าสองเดือน จึงขอให้ศาลบังคับโดยขับไล่จำเลยกับบริวาร และให้รื้อถอนเรือนเลขทะเบียนที่ ๑๓๑ ออกไปจากที่ดินของโจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้เป็นฝ่ายผิดนัด การเช่ารายนี้เป็นการเช่าที่ดินเพื่อปลูกบ้านอยู่อาศัย ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยกับบริวาร รื้อบ้านเลขที่ ๑๓๑ ออกไปจากที่ดินของโจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ขณะฟ้องจำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. ๒๕๐๔ โจทก์ไม่มีสิทธิ์ฟ้องขับไล่จำเลยแต่เนื่องจากในระหว่างศาลฎีกาทำการพิจารณาคดีนี้ ปรากฏว่าพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. ๒๕๐๔ มาตรา ๒๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. ๒๕๑๑ (ฉบับที่ ๓) มาตรา ๓กำหนดให้พระราชบัญญัติดังกล่าวเฉพาะมาตรา ๑๑ และ ๑๗ ใช้บังคับได้เพียง๘ ปี นับแต่วันที่พระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ. ๒๕๐๔ใช้บังคับ (ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๐๔) มาตรา ๑๑ และ ๑๗ ดังกล่าวจึงไม่มีผลบังคับ หรือเลิกใช้บังคับแล้ว จำเลยไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายดังกล่าวต่อไป ดังนี้ มีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นนี้ว่า ศาลฎีกาจะพิพากษาให้ขับไล่จำเลยได้เลยหรือไม่
ศาลฎีกาได้วินิจฉัยปัญหาข้อนี้โดยที่ประชุมใหญ่แล้ว เห็นว่า เหตุที่ศาลจะยกขึ้นพิพากษาขับไล่จำเลยได้ จะต้องเป็นเหตุที่มีอยู่ตามกฎหมาย ซึ่งใช้บังคับในขณะฟ้อง ฉะนั้น ศาลฎีกาจะยกเอาความสิ้นอายุของพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าฯ ดังกล่าวในระหว่างพิจารณามาเป็นเหตุพิพากษาขับไล่จำเลยไม่ได้
พิพากษายืน

Share