คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5150/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลแรงงานกลางนัดฟังคำพิพากษาและได้ปิดประกาศแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาให้โจทก์ทราบที่หน้าศาลโดยให้มีผลทันทีแล้วตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522มาตรา 25,26 จึงต้องถือว่าโจทก์ได้ทราบวันนัดฟังคำพิพากษาตั้งแต่วันดังกล่าวแล้ว เมื่อโจทก์ไม่ไปฟังคำพิพากษาในวันนัดและศาลแรงงานกลางได้อ่านคำพิพากษาให้จำเลยฟังโดยจดแจ้งไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาว่า ถือว่าโจทก์ทราบคำพิพากษาตามกฎหมายแล้ว จึงต้องถือว่าได้มีการอ่านคำพิพากษาให้โจทก์ฟังแล้วในวันนั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 140 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 31 โจทก์จะอ้างว่ายังไม่ทราบคำพิพากษาไม่ได้
โจทก์ไม่ติดตามตรวจสอบว่าศาลแรงงานกลางได้มีคำพิพากษาแล้วหรือไม่ เมื่อใด เพราะเข้าใจว่าช่วงนั้นศาลแรงงานกลางมีงานเกี่ยวกับการพิพากษาคดีจำนวนมาก ก็ถือว่าเป็นความผิดหรือบกพร่องของโจทก์เองไม่ใช่ความจำเป็นและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมที่ศาลจะพึงขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้แก่โจทก์

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายเงินค่าบำเหน็จจำนวน 32,800 บาท แก่โจทก์คำขออื่นให้ยกโดยศาลแรงงานกลางอ่านคำพิพากษาให้คู่ความฟังเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2542

วันที่ 25 มกราคม 2543 โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ออกไปอีก 15 วัน อ้างว่าในวันนัดสืบพยานจำเลยนัดสุดท้ายโจทก์ไม่ได้ไปศาลจึงไม่ทราบวันนัดฟังคำพิพากษาและไม่ได้ไปฟังคำพิพากษา ทั้งเข้าใจว่าช่วงปลายปีต่อกับช่วงต้นปีงานพิพากษาคดีและงานพิมพ์คำพิพากษาของศาลมีมากจึงเพิ่งไปตรวจดูสำนวนและทราบว่าศาลมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2542 ในวันยื่นคำร้องซึ่งพ้นกำหนดระยะเวลายื่นอุทธรณ์ไปแล้ว โจทก์มิได้มีเจตนาไม่ยื่นอุทธรณ์ในกำหนด

ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่า เหตุที่อ้างเป็นความเข้าใจของโจทก์เอง ไม่ใช่เหตุจำเป็นและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมของทั้งสองฝ่ายตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 26 จึงไม่สมควรขยายระยะเวลาให้ทั้งยังเป็นการยื่นคำร้องขอขยายภายหลังจากพ้นระยะเวลาแล้วโดยไม่ปรากฏเหตุสุดวิสัย ยกคำร้อง

โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า แม้โจทก์จะไม่ได้ไปศาลในวันนัดสืบพยานจำเลยนัดสุดท้ายซึ่งเป็นวันที่ศาลแรงงานกลางได้กำหนดวันนัดฟังคำพิพากษา แต่ก็ปรากฏในสำนวนว่าศาลแรงงานกลางนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 30 ธันวาคม 2542 และได้ปิดประกาศแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาให้โจทก์ทราบที่หน้าศาลโดยให้มีผลทันทีแล้วเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2542 ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 25,26 จึงต้องถือว่าโจทก์ได้ทราบวันนัดฟังคำพิพากษาแล้วตั้งแต่วันดังกล่าว เมื่อโจทก์ไม่ไปฟังคำพิพากษาในวันนัดและศาลแรงงานกลางได้อ่านคำพิพากษาให้จำเลยฟังโดยจดแจ้งไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาว่า ถือว่าโจทก์ทราบคำพิพากษาตามกฎหมายแล้ว จึงต้องถือว่าได้มีการอ่านคำพิพากษาให้โจทก์ฟังแล้วในวันนั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 140 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31โจทก์จะอ้างว่ายังไม่ทราบคำพิพากษาไม่ได้ การที่โจทก์ไม่ติดตามตรวจสอบว่าศาลแรงงานกลางได้มีคำพิพากษาแล้วหรือไม่ เมื่อใดเพราะเข้าใจว่าช่วงนั้นศาลแรงงานกลางมีงานเกี่ยวกับการพิพากษาคดีจำนวนมาก ก็ถือว่าเป็นความผิดหรือบกพร่องของโจทก์เอง ไม่ใช่ความจำเป็นและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมที่ศาลจะพึงขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้แก่โจทก์

พิพากษายืน

Share