คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5146/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ในการพิจารณาคดีแรงงาน เมื่อโจทก์ขอถอนฟ้อง ศาลแรงงานกลางต้องนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 175 วรรคสองมาใช้บังคับโดยนัยแห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 ดังนั้น ศาลแรงงานกลางจะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องหรือไม่ จึงเป็นอำนาจของศาลที่จะใช้ดุลพินิจจำเลยจะอุทธรณ์ดุลพินิจดังกล่าว ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงและต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ พ.ศ. 2522มาตรา 54 ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเรียกค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและเงินประกันจากจำเลยผู้เป็นนายจ้าง จำเลยให้การว่าโจทก์ละทิ้งหน้าที่ขอให้ยกฟ้อง ในวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์แถลงขอถอนฟ้องจำเลยแถลงว่าหากศาลอนุญาตแล้ว โจทก์อาจนำคดีมาฟ้องใหม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง จำหน่ายคดี จำเลยอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า”ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 175 วรรคสอง บัญญัติว่า”ภายหลังจำเลยยื่นคำให้การแล้ว โจทก์อาจยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลชั้นต้นเพื่ออนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้ ศาลจะอนุญาตหรือไม่อนุญาตหรืออนุญาตภายในเงื่อนไขตามที่เห็นสมควรก็ได้ ฯลฯ” ซึ่งบทกฎหมายดังกล่าวจะต้องนำมาใช้ในการพิจารณาคดีแรงงาน โดยนัยแห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 31 เหตุนี้การที่ศาลแรงงานกลางจะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องหรือไม่ จึงเป็นดุลพินิจของศาลแรงงานกลางการที่จำเลยอุทธรณ์โต้เถียงดุลพินิจของศาลแรงงานกลางในการอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจึงเป็นอุทธรณ์ข้อเท็จจริงอันต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 54 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย

Share