คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5136/2550

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การรับขนของทางอากาศเป็นการขนส่งประเภทหนึ่ง จึงต้องนำ ป.พ.พ. มาตรา 625 มาใช้บังคับ ซึ่งตามมาตรา 625 บัญญัติว่า “ใบรับ ใบตราส่งหรือเอกสารอื่น ๆ ทำนองนั้นก็ดี ซึ่งผู้ขนส่งออกให้แก่ผู้ส่งนั้น ถ้ามีข้อความยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งประการใด ท่านว่าความนั้นเป็นโมฆะ เว้นแต่ผู้ส่งจะได้แสดงความตกลงด้วยชัดแจ้งในการยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดเช่นว่านั้น” ดังนั้น ปัญหาว่าจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ขนส่งจะต้องรับผิดเพียงใด จึงต้องวินิจฉัยตามบทกฎหมายดังกล่าว
จำเลยที่ 1 ในฐานะตัวแทนของบริษัท ฮ. ผู้ส่งสินค้าได้ว่าจ้างให้จำเลยที่ 2 ทำการขนส่งสินค้าตามใบรับขนทางอากาศ เอกสารหมาย จ.4 ดังนั้น บริษัท ฮ. ผู้ส่งสินค้าซึ่งเป็นตัวการย่อมมีความผูกพัน ต่อจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกในกิจการทั้งหลายอันจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวแทนได้กระทำไปภายในขอบอำนาจแห่งฐานตัวแทน ส่วนผู้รับตราส่งแม้ไม่ได้แสดงความตกลงในการจำกัดความรับผิดตามใบรับขนทางอากาศ เอกสารหมาย จ.4 แต่เมื่อสิทธิทั้งหลายของผู้ส่งอันเกิดแต่สัญญารับขนนั้นตกไปได้แก่ผู้รับตราส่งตาม ป.พ.พ. มาตรา 627 ดังนั้น ข้อตกลงการจำกัดความรับผิดดังกล่าวนอกจากใช้ยัน บริษัท ฮ. ผู้ส่งได้แล้วยังใช้ยันผู้รับตราส่งตลอดจนผู้รับช่วงสิทธิของผู้รับตราส่งได้ด้วย
จำเลยทั้งสองต่างเป็นสมาชิกของสมาคมผู้ขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศและต่างยอมผูกพันตนตามข้อกำหนดของสมาคมดังกล่าวเกี่ยวกับการจำกัดความรับผิด กล่าวคือ ในเรื่องความรับผิดต่อความสูญหายหรือเสียหายของสินค้าหรือทรัพย์สินที่ขนส่งจะมีข้อกำหนดให้บรรดาสมาชิกปฏิบัติไปในทางเดียวกัน คือ หากไม่แจ้งราคาสินค้าและไม่ชำระค่าระวางตามราคาสินค้าที่แจ้งแล้วเกิดความสูญหายหรือเสียหายต่อสินค้าดังกล่าวซึ่งผู้ขนส่งจะต้องรับผิดชอบ ความรับผิดชอบจะถูกจำกัดไว้เพียงไม่เกิน 20 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อน้ำหนักสินค้า 1 กิโลกรัม โดยคำนวณจากน้ำหนักสุทธิของสินค้าที่สูญหาย การขนส่งที่จำเลยที่ 1 มอบหมายให้จำเลยที่ 2 ตามเอกสารหมาย จ.4 นั้น จึงอยู่ภายใต้การจำกัดความรับผิดดังกล่าว เมื่อผู้ส่งสินค้าไม่แจ้งราคาสินค้าเพื่อการขนส่ง ทำให้ผู้ส่งสินค้าไม่ต้องเสียค่าระวางพาหนะเพิ่มเท่ากับเป็นการเลือกที่จะยอมรับการจำกัดความรับผิดที่ระบุอยู่ด้านหลังใบรับขนทางอากาศนั้นเอง จึงถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ส่งสินค้าได้แสดงความตกลงด้วยโดยชัดแจ้งในการจำกัดความรับผิดของจำเลยที่ 2 ผู้ขนส่ง เป็นเงิน 20 ดอลลาร์สหรัฐต่อน้ำหนักสินค้า 1 กิโลกรัม การจัดความรับผิดดังกล่าวย่อมมีผลใช้บังคับได้ไม่เป็นการต้องห้ามตาม ป.พ.พ. มาตรา 625
ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาตามที่โจทก์และจำเลยทั้งสองยอมรับกันรับฟังเป็นยุติได้ว่าเลนส์แว่นตาพิพาทได้สูญหายไปในระหว่างที่เลนส์แว่นตาพิพาทอยู่ในความดูแลของจำเลยที่ 2 โดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้นำเลนส์แว่นตาพิพาทไป จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายเพื่อการสูญหายของเลนส์แว่นตาพิพาทเท่านั้น โจทก์ไม่อาจมีคำขอให้จำเลยที่ 2 ส่งมอบเลนส์แว่นตาพิพาทคืนได้ ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 45 ประกอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 246 และมาตรา 142 (5)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดตามสัญญาขนส่งสินค้าโดยส่งมอบเลนส์แว่นตาคืนแก่โจทก์ในสภาพที่เรียบร้อยสมบูรณ์และใช้การได้ หากคืนไม่ได้ให้ชดใช้เงินจำนวน 1,256,702.97 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 1,206,263 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ส่งมอบเลนส์แว่นตาสินค้าพิพาทคืนแก่โจทก์ในสภาพที่เรียบร้อยและใช้การได้ หากคืนไม่ได้ให้ชดใช้เป็นเงิน 1,256,702.97 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 1,206,263 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 10,000 บาท และให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 1 ให้เป็นพับ
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังเป็นยุติได้ว่า โจทก์ได้ทำสัญญารับประกันภัยสินค้าเลนส์แว่นตาหลายชั้นไร้รอยต่อ หรือเลนส์แว่นตา จำนวน 2,863 ชิ้น ไว้ให้แก่บริษัท โฮย่า เลนส์ จำกัด ที่จะขนส่งมากับสายการบินของจำเลยที่ 2 จากท่าอากาศยานแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ถึงกรุงเทพมหานคร ในวงเงิน 1,206,263 บาท โดยรับประกันภัยในความเสียหายหรือสูญหายของสินค้าในระหว่างขนส่ง และโจทก์จะชดใช้ความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยตามความเสียหายจริงแต่ไม่เกินวงเงินที่โจทก์รับประกันไว้ เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2545 จำเลยที่ 1 ได้นำสินค้าของผู้ส่งส่งมอบให้จำเลยที่ 2 ผู้ขนส่ง เพื่อให้ขนส่งไปยังกรุงเทพมหานคร โดยจำเลยที่ 1 ได้ออกหลักฐานตามเอกสารหมาย จ.3 ให้ไว้แก่ผู้ส่ง จำเลยที่ 2 ได้ทำการขนส่งสินค้าโดยสายการบินของจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 2 ได้ออกใบรับขนของทางอากาศตามเอกสารหมาย จ.4 หรือ ล.3 ให้จำเลยที่ 1 ไว้เป็นหลักฐาน แต่ปรากฏว่าเมื่อเครื่องบินมาถึงกรุงเทพมหานคร ผู้รับตราส่งไม่สามารถรับสินค้าได้ เพราะสินค้าได้สูญหายไปทั้งหมด ผู้รับตราส่งซึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยได้เรียกร้องให้จำเลยทั้งสองใช้ราคาสินค้าที่สูญหายไปเป็นเงิน 1,206,263 บาท จำเลยทั้งสองไม่ยอมใช้ให้เต็มจำนวน ผู้เอาประกันภัยจึงเรียกร้องจากโจทก์ โจทก์เห็นว่าความเสียหายอยู่ในเงื่อนไขความคุ้มครองตามสัญญาประกันภัย จึงได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงินจำนวน 1,206,263 บาท ให้แก่ผู้เอาประกันภัยแล้วเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2545 ตามใบรับช่วงสิทธิเอกสารหมาย จ.15 …
ปัญหาต่อไปมีว่า จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดเพียงใด ที่จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ว่า เมื่อประเทศไทยไม่มีกฎหมายเกี่ยวกับการรับขนของทางอากาศระหว่างประเทศ กฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งที่ต้องนำมาปรับใช้ในคดีนี้คือพระราชบัญญัติการรับขนของทางทะเล พ.ศ.2534 โดยเฉพาะเรื่องการจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งนั้น เห็นว่า การรับขนของทางอากาศเป็นการขนส่งประเภทหนึ่ง จึงต้องนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 625 มาใช้บังคับ ซึ่งตามมาตรา 625 บัญญัติว่า “ใบรับ ใบตราส่งหรือเอกสารอื่น ๆ ทำนองนั้นก็ดี ซึ่งผู้ขนส่งออกให้แก่ผู้ส่งนั้น ถ้ามีข้อความยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งประการใด ท่านว่าความนั้นเป็นโมฆะ เว้นแต่ผู้ส่งจะได้แสดงความตกลงด้วยชัดแจ้งในการยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดเช่นว่านั้น” ดังนั้น กรณีนี้จึงต้องวินิจฉัยตามบทกฎหมายดังกล่าว
ปัญหาประการต่อมามีว่า ที่จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ว่า ในการขนส่งสินค้าครั้งนี้มีข้อตกลงจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งว่าผู้ขนส่งรับผิดไม่เกิน 20 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อน้ำหนักสินค้า 1 กิโลกรัม เว้นแต่จะแจ้งราคาสินค้าที่ให้ขนส่งและได้ชำระค่าระวางพาหนะที่คำนวณจากราคาสินค้าที่แจ้งนั้นตามที่ปรากฏในใบรับขนทางอากาศเอกสารหมาย จ.4 หรือ ล.3 ความรับผิดของจำเลยที่ 2 จึงจำกัดตามข้อตกลงดังกล่าว พิเคราะห์แล้ว ในปัญหาข้อนี้โจทก์มีแต่นางสุนีให้ถ้อยคำเพียงว่าผู้เอาประกันภัยซึ่งเป็นผู้รับตราส่งไม่เคยตกลงทั้งโดยชัดแจ้งและโดยปริยายกับจำเลยทั้งสองในเรื่องการจำกัดความรับผิดตามใบรับขนทางอากาศ และผู้รับตราส่งในประเทศไทยไม่เคยได้รับหนังสือแจ้งจากจำเลยทั้งสองก่อนที่จำเลยทั้งสองจะรับขนส่งว่าหากสินค้าที่รับขนส่งเกิดสูญหายหรือเสียหายระหว่างการขนส่งจะจำกัดความรับผิดเพียง 20 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อน้ำหนักสินค้า 1 กิโลกรัม ทั้งตามใบรับขนทางอากาศเอกสารหมาย จ.3 และ จ.4 ไม่มีผู้ใดลงลายมือชื่อรับทราบเงื่อนไขและการจำกัดความรับผิดของจำเลยทั้งสองแต่อย่างใด เอกสารดังกล่าวจำเลยทั้งสองทำขึ้นแต่ฝ่ายเดียว การจำกัดความรับผิดนั้นจึงไม่อาจใช้บังคับได้ และสินค้าพิพาทเป็นเลนส์แว่นตาไม่ใช่ของมีค่าที่ผู้ส่งจะต้องแจ้งราคา เห็นว่า ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้วินิจฉัยไว้แล้วว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นผู้ขนส่งสินค้า จำเลยที่ 1 ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของผู้ส่งสินค้าได้มาว่าจ้างให้จำเลยที่ 2 ทำการขนส่งสินค้า โดยโจทก์ไม่ได้อุทธรณ์โต้แย้งในเรื่องนี้แต่อย่างใด ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 ในฐานะตัวแทนของบริษัทโฮย่า เลนส์ (ยูเค) จำกัด ผู้ส่งสินค้าได้ว่าจ้างให้จำเลยที่ 2 ทำการขนส่งสินค้าตามใบรับขนทางอากาศเอกสารหมาย จ.4 ดังนั้นบริษัทโฮย่า เลนส์ (ยูเค) จำกัด ผู้ส่งสินค้าซึ่งเป็นตัวการย่อมมีความผูกพัน ต่อจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกในกิจการทั้งหลายอันจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวแทนได้กระทำไปภายในขอบอำนาจแห่งฐานตัวแทน ส่วนผู้รับตราส่งแม้ไม่ได้แสดงความตกลงในการจำกัดความรับผิดตามใบรับขนทางอากาศเอกสารหมาย จ.4 แต่เมื่อสิทธิทั้งหลายของผู้ส่งอันเกิดแต่สัญญารับขนนั้นย่อมตกไปได้แก่ผู้รับตราส่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 627 ดังนั้น ข้อตกลงการจำกัดความรับผิดดังกล่าวนอกจากใช้ยันบริษัทโฮย่า เลนส์ (ยูเค) จำกัด ผู้ส่งได้แล้ว ยังใช้ยันผู้รับตราส่งตลอดจนผู้รับช่วงสิทธิของผู้รับตราส่งได้ด้วย
สำหรับปัญหาที่ว่าการจำกัดความรับผิดของจำเลยที่ 2 ผู้ขนส่งสินค้าที่ระบุไว้ในใบรับขนทางอากาศเอกสารหมาย จ.4 หรือ ล.3 ดังกล่าวใช้บังคับได้หรือไม่ เห็นว่า ตามถ้อยคำของนายชาญวิทย์พยานจำเลยที่ 2 ว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 ต่างเป็นสมาชิกของสมาคมผู้ขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศและต่างยอมผูกพันตนตามข้อกำหนดของสมาคมดังกล่าวเกี่ยวกับการจำกัดความรับผิด กล่าวคือ ในเรื่องความรับผิดต่อความสูญหายหรือเสียหายของสินค้าหรือทรัพย์สินที่ขนส่งจะมีข้อกำหนดให้บรรดาสมาชิกปฏิบัติไปในทางเดียวกัน คือหากไม่แจ้งราคาสินค้า และไม่ชำระค่าระวางตามราคาสินค้าที่แจ้งแล้วเกิดความสูญหายหรือเสียหายต่อสินค้าดังกล่าวซึ่งผู้ขนส่งจะต้องรับผิดชอบ ความรับผิดจะถูกจำกัดไว้เพียงไม่เกิน 20 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อน้ำหนักสินค้า 1 กิโลกรัม โดยคำนวณจากน้ำหนักสุทธิของสินค้าที่สูญหาย การขนส่งที่จำเลยที่ 1 มอบหมายให้จำเลยที่ 2 ตามเอกสารหมาย จ.4 นั้น จึงอยู่ภายใต้การจำกัดความรับผิดดังกล่าว และนายทอมซึ่งเป็นพนักงานของจำเลยที่ 1 และเป็นผู้ออกเอกสารใบรับขนทางอากาศเอกสารหมาย จ.4 แทนจำเลยที่ 2 ด้วย จึงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าจำเลยที่ 1 ไม่ทราบและไม่ตกลงด้วยในการจำกัดความรับผิดที่ระบุในเอกสารที่ตนเป็นผู้ออก โดยในข้อนี้โจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นเป็นอย่างอื่น นอกจากนี้ยังได้ความตามถ้อยคำของนายชาญวิทย์ประกอบใบรับขนทางอากาศเอกสารหมาย จ.4 ว่า ในการว่าจ้างให้ทำการขนส่งสินค้าดังกล่าวไม่มีการแจ้งราคาสินค้าเพื่อการขนส่ง ทั้งไม่ได้เสียค่าระวางพาหนะในอัตราพิเศษที่คำนวณจากราคาสินค้าที่ขนส่งโดยมีการแจ้งน้ำหนักสินค้าจึงมีการคิดค่าระวางพาหนะตามน้ำหนักสินค้าที่แจ้งเท่านั้น การที่ผู้ส่งสินค้าไม่แจ้งราคาสินค้าเพื่อการขนส่ง ทำให้ผู้ส่งสินค้าไม่ต้องเสียค่าระวางพาหนะเพิ่มดังกล่าวเท่ากับเป็นการเลือกที่จะยอมรับการจำกัดความรับผิดที่ระบุอยู่ด้านหลังใบรับขนทางอากาศนั้นเอง จึงถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ส่งสินค้าได้แสดงความตกลงด้วยโดยชัดแจ้งในการจำกัดความรับผิดของจำเลยที่ 2 ผู้ขนส่งเป็นเงิน 20 ดอลลาร์สหรัฐต่อน้ำหนักสินค้า 1 กิโลกรัม การจำกัดความรับผิดดังกล่าวย่อมมีผลใช้บังคับได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 625
อนึ่ง ที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองส่งมอบเลนส์แว่นตาพิพาทคืนแก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อยและใช้การได้นั้น เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงในทางพิจารณาตามที่โจทก์และจำเลยทั้งสองยอมรับกันรับฟังเป็นยุติได้ว่าเลนส์แว่นตาพิพาทได้สูญหายไป ในระหว่างที่เลนส์แว่นตาพิพาทอยู่ในความดูแลของจำเลยที่ 2 โดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้นำเลนส์แว่นตาพิพาทไป จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายเพื่อการสูญหายของเลนส์แว่นตาพิพาทเท่านั้น โจทก์ไม่อาจมีคำขอให้จำเลยที่ 2 ส่งมอบเลนส์แว่นตาพิพาทคืนได้ ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 45 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 246 และมาตรา 142 (5)
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์เป็นเงิน 3,720 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันที่ 11 กันยายน 2545 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ หากชำระเป็นเงินไทยให้คิดตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ สถานที่และเวลาใช้เงิน ให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 5,000 บาท สำหรับค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนในทุนทรัพย์เท่าที่โจทก์ชนะคดีในชั้นอุทธรณ์ ให้ยกคำขอของโจทก์ที่ขอให้จำเลยที่ 2 ส่งมอบเลนส์แว่นตาพิพาทคืนแก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อยและใช้การได้ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ.

Share