คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 513/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อปรากฎว่าสัญญากู้เงินที่จำเลยทำให้โจทก์ยึดถือเป็นหลักฐานยังคงอยู่ที่โจทก์โดยมิได้เพิกถอนในเอกสารนั้นว่าได้ชำระหนี้แล้ว ทั้งรับว่าไม่มีเอกสารใดอีกที่มีลายมือชื่อโจทก์พอที่จะให้เป็นหลักฐานแสดงการรับเงินของโจทก์ก็ย่อมแสดงว่าจำเลยยังคงเป็นหนี้โจทก์อยู่
เช็คเป็นตราสารซึ่งผู้สั่งจ่ายสั่งธนาคารให้ใช้เงินให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งเมื่อทวงถาม จึงเรียกไม่ได้ว่าเป็นสิ่งของหรือทรัพย์สินอย่างอื่น

ย่อยาว

เรื่อง เรียกเงินคืน
โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ ๑ มิ.ย. ๒๔๙๖จำเลยยืมเงินไป ๖,๘๕๑ บาท สัญญาให้ดอกเบี้ยชั่งละบาทต่อเดือนกำหนดชำระคืนภายในวันที่ ๑ มิ.ย.๒๔๙๗ จำเลยรับเงินไปครบถ้วนแล้วแต่วันทำสัญญา ตั้งแต่วันกู้มาจำเลยไม่เคยให้คืนเงินต้นหรือชำระดอกเบี้ยให้โจทก์เลยยังค้างชำระอยู่ ๒,๓๘๐ บาท โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยผัดผ่อนจึงฟ้องให้ชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ๙,๒๓๑ บาท กับชำระดอกเบี้ยในเงินต้นร้อยละ ๑๕ ต่อปีแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินให้เสร็จ
จำเลยให้การรับว่าได้กู้เงินโจทก์จริงแต่ได้ชำระให้แล้วแต่วันที่ ๑๙ พ.ค.๒๔๙๗ เป็นเงิน ๑๖,๐๐๐ บ. โดยโจทก์จำเลยไปกู้เงินจากผู้มีชื่อ โจทก์ให้ผู้มีชื่อจ่ายเงินเป็นเช็คธนาคารไทยพาณิชย์ในนามโจทก์เป็นผู้รับและโจทก์เป็นผู้ยึดถือเช็คไปรับเงินมาแล้ว จึงไม่มีหนี้สินใด ๆ กับโจทก์ จำเลยได้ทวงเอาสัญญากู้คืนจากโจทก์ โจทก์ว่ายังหาไม่พบ หาพบเมื่อใดจะคืนให้
ศาลจังหวัดสมุทรปราการสอบคู่ความจำเลยแถลงว่าพระยาอรรถกฤตนิรุตติ์ เป็นผู้ออกเช็คในการกู้เงินโดยออกในนามโจทก์เป็นผู้รับเงิน ฝ่ายโจทก์รับว่าสัญญากู้หมาย ล.๒ จำเลยกู้เงินพระยาอรรถกฤตฯและโจทก์เป็นผู้ค้ำประกัน เช็คหมายล.๓ เป็นเช้๕ที่พระยาออรถกฤตฯออกให้ตามสัญญากู้หมาย ล.๒ ในนามโจทก์ แต่ไม่มีลายมือชื่อโจทก์ในเช็คนั้น ส่วนบันทึกไกล่เกลี่ยค่าเช่านาตามสำเนาหมาย ล. ๔ โจทก์ไม่รับรอง
จำเลยขอสืบว่าเช็คหมาย ล.๓ เป็นการใช้หนี้โจทก์ไม่ใช่ใช้หนี้ค่าเช่าตามเอกสารหมาย ล.๔ ค่าเช่านานั้นจำเลยใช้เป็นข้าวเปลือกเสร็จสิ้นแล้วไม่มีติดค้างกัน และแถลงว่าไม่มีเอกสารอื่นใดที่จะส่งอีก และไม่มีเอกสารใดที่มีลายมือชื่อโจทก์รับเงินใช้หนี้เงินกู้รายนี้
ศาลชั้นต้นงดสืบพยานทั้งสองฝ่ายแล้ววินิจฉัยให้จำเลยชำระต้นเงินและดอกเบี้ยค้างรวม ๙,๒๓๑ บาทให้โจทก์พร้อมกับดอกเบี้ยในต้นเงิน ๖,๘๕๑ บาท อัตราร้อยละ ๑๕ ต่อมี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินให้โจทก์เสร็จ
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สัญญากู้เงินที่จำเลยทำให้โจทก์ยึดถือเป็นหลักฐานยังคงอยู่ที่โจทก์ โดยมิได้แทงเพิกถอนในสัญญาเอกสารนั้นว่าได้ชำระหนี้แล้ว ทั้งจำเลยรับว่าไม่มีเอกสารใดอีกที่มีลายมือชื่อโจทก์พอที่จะให้เป็นหลักฐานแสดงการรับเงินของโจทก์ เช็คหมาย ล.๓ ก็ไม่มีลายมือชื่อโจทก์ เช็คเป็นตราสารซึ่งผู้สั่งจ่ายสั่งธนาคารให้ใช้เงินให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งเมื่อทวงถาม จึงเรียกไม่ได้ว่าเป็นสิ่งของหรือทรัพย์สินอย่างอื่นตามความหมายของป.พ.พ. มาตรา ๖๕๖ จำเลยไม่อาจอ้างมาเป็นหลักฐานแสดงการรับเงินของโจทก์ได้ จึงพิพากษายืน

Share