แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ปัญหาที่ผู้ร้องฎีกาว่าผู้ตายทำพินัยกรรมยกที่ดินให้แก่บ.และระบุไว้ในพินัยกรรมว่า”บุคคลอื่นใดที่มิได้ระบุไว้ในพินัยกรรมนี้ไม่มีสิทธิรับมรดกของข้าฯแต่อย่างใด”แสดงว่าผู้ตายมีเจตนายกทรัพย์มรดกทั้งตามพินัยกรรมและนอกพินัยกรรมให้แก่บ. แต่เพียงผู้เดียวและเป็นการตัดผู้คัดค้านมิให้รับมรดกนั้นเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้ผู้ร้องจะมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวไว้โดยชัดแจ้งในคำแก้อุทธรณ์ก็ฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคสอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1608ตัวทายาทผู้ถูกตัดมิให้รับมรดกนั้นต้องระบุไว้ให้ชัดเจนแต่ตามข้อความในพินัยกรรมมิได้ระบุไว้ให้ชัดเจนว่าตัดผู้คัดค้านมิให้รับมรดกจึงถือไม่ได้ว่าเป็นการตัดผู้คัดค้านมิให้รับมรดกและเมื่อผู้ตายยังมีทรัพย์มรดกอื่นนอกจากทรัพย์มรดกที่ยกให้แก่บ.ตามพินัยกรรมผู้คัดค้านในฐานะทายาทจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกนอกพินัยกรรมมีสิทธิร้องคัดค้านและขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายได้ แม้ผู้คัดค้านจะเป็นทายาทมีสิทธิรับทรัพย์มรดกนอกพินัยกรรมของผู้ตายคนหนึ่งและไม่เป็นบุคคลต้องห้ามในการเป็นผู้จัดการมรดกก็ตามแต่เมื่อผู้ตายได้ทำพินัยกรรมแต่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกและผู้ร้องไม่เป็นบุคคลต้องห้ามในการเป็นผู้จัดการมรดกแล้วก็สมควรให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกตามเจตนาของผู้ตาย
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของนายแต๋ว พุ่มริ้วผู้ตาย
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้จัดการมรดกทรัพย์นอกพินัยกรรม ขอให้ยกคำร้อง และมีคำสั่งตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกทรัพย์นอกพินัยกรรมของผู้ตาย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายยกคำคัดค้านของผู้คัดค้าน
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายร่วมกับผู้ร้อง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
ผู้ร้อง ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงที่มิได้โต้เถียงกันในชั้นนี้ฟังยุติได้ว่า ผู้ร้องกับผู้คัดค้านต่างเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนายแต๋ว พุ่มริ้ว ผู้ตายโดยผู้คัดค้านเป็นบุตรซึ่งเกิดกับนางส้มเกลี้ยง พุ่มริ้ว ภริยาคนแรกส่วนผู้ร้องเป็นบุตรซึ่งเกิดกับนางบุญมี พุ่มริ้ว ภริยาคนที่สองโดยจดทะเบียนสมรสภายหลังเมื่อนางส้มเกลี้ยงถึงแก่กรรมแล้วผู้ตายได้ทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมืองยกที่ดิน 2 แปลงให้แก่นางบุญมี และตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกตามสำเนาพินัยกรรมเอกสารหมาย ร.3 นอกจากที่ดินตามพินัยกรรมดังกล่าวแล้วผู้ตายยังมีที่ดินอีก 3 แปลงตามสำเนาโฉนดที่ดินเอกสารหมาย ร.4ถึง ร.6 มีลูกหนี้เงินกู้และเงินสดอีกจำนวนหนึ่งคดีมีปัญหาข้อแรกตามฎีกาของผู้ร้องว่า ผู้คัดค้านมีสิทธิร้องคัดค้านและขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายได้หรือไม่ ซึ่งผู้ร้องฎีกาว่า ผู้ตายได้ทำพินัยกรรมยกที่ดินให้แก่นางบุญมีและระบุไว้ในพินัยกรรมข้อ 3ว่า “บุคคลอื่นใดที่มิได้ระบุไว้ในพินัยกรรมนี้ไม่มีสิทธิรับมรดกของข้าฯ แต่อย่างใด” แสดงว่าผู้ตายมีเจตนายกทรัพย์มรดกทั้งตามพินัยกรรมและนอกพินัยกรรมให้แก่นางบุญมีแต่เพียงผู้เดียวและเป็นการตัดผู้คัดค้านมิให้รับมรดก ผู้คัดค้านจึงไม่เป็นผู้มีส่วนได้เสีย ไม่มีสิทธิร้องคัดค้านและขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายเห็นว่า ปัญหาข้อนี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ผู้ร้องจะมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวไว้โดยชัดแจ้งในคำแก้อุทธรณ์ก็ฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 วรรคสอง ปัญหาดังกล่าวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1608 ตัวทายาทผู้ถูกตัดมิให้รับมรดกนั้นต้องระบุไว้ให้ชัดเจน แต่ตามข้อความในพินัยกรรมข้อ 3 ดังกล่าวมิได้ระบุไว้ให้ชัดเจนว่าตัดผู้คัดค้านมิให้รับมรดก จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการตัดผู้คัดค้านมิให้รับมรดก และเมื่อผู้ตายยังมีทรัพย์มรดกอื่นนอกจากทรัพย์มรดกที่ยกให้แก่นางบุญมีตามพินัยกรรมผู้คัดค้านในฐานะทายาทจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกนอกพินัยกรรม มีสิทธิร้องคัดค้านและขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายได้ฎีกาข้อนี้ของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
ปัญหาข้อต่อไปตามฎีกาของผู้ร้องมีว่า สมควรตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับผู้ร้องด้วยหรือไม่ เห็นว่า แม้ผู้คัดค้านจะเป็นทายาทมีสิทธิรับทรัพย์มรดกนอกพินัยกรรมของผู้ตายคนหนึ่งและไม่เป็นบุคคลต้องห้ามในการเป็นผู้จัดการมรดกก็ตาม แต่เมื่อผู้ตายได้ทำพินัยกรรมมีข้อกำหนดแต่งตั้งให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย และผู้ร้องไม่เป็นบุคคลต้องห้ามในการเป็นผู้จัดการมรดกแล้ว ก็สมควรให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกตามเจตนาของผู้ตายที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายร่วมกับผู้ร้องด้วย จึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาฎีกาข้อนี้ของผู้ร้องฟังขึ้น”
พิพากษาแก้ เป็น ว่า ให้ บังคับ ตาม คำสั่งศาล ชั้นต้น