คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5120/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหายในขณะที่จำเลยเมาสุราโดยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน มีดที่ใช้แทงไม่มีด้ามและมีสนิมติดอยู่ด้วยจำเลยแทงผู้เสียหายครั้งแรกที่ใต้ราวนมซ้าย 1 ครั้ง บาดแผลขนาด 1.2+0.3 เซนติเมตรลึก 0.5 เซนติเมตรติดกระดูกซี่โครง ไม่ได้ความว่าแทงโดยแรงหรือไม่ผู้เสียหายล้มลงแล้วจำเลยยังแทงผู้เสียหายที่โคนขาอีก 2ครั้ง แผลลึก 3 และ 2.5 เซนติเมตรตามลำดับ สภาพบาดแผลมีขนาดใกล้เคียงกับบาดแผลที่ใต้ราวนมซ้ายแพทย์มีความเห็นว่าใช้เวลารักษาประมาณ 10 วันหาย พิจารณาถึงมีดซึ่งไม่เหมาะที่จะใช้แทงให้ตายและการที่จำเลยมีโอกาสเลือกแทงในส่วนสำคัญได้หลังจากผู้เสียหายล้มลงแล้วแต่กลับแทงไปที่บริเวณโคนขาซึ่งไม่เกิดอันตรายร้ายแรง ทำให้ฟังไม่ถนัดว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 เท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่าขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288.80 และริบมีดของกลาง

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 จำคุก 6 เดือน ของกลางริบ

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80 จำคุก 10 ปี คำให้การรับสารภาพชั้นจับกุมมีประโยชน์แก่การพิจารณาเป็นเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78จำคุก 6 ปี 8 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาขึ้นมาสู่ศาลฎีกาเพียงว่า จำเลยใช้มีดปลายแหลมของกลางยาวประมาณ 1 ศอก ใบมีดกว้าง 1 นิ้ว ไม่มีด้ามแทงผู้เสียหายถูกที่ใต้ราวนมซ้าย 1 ครั้ง บาดแผลขนาด 1.2 + 0.3 เซนติเมตร ลึก 0.5 เซนติเมตรกับแทงถูกที่บริเวณโคนขาขวาอีก 2 ครั้ง และทั้ง 2 ครั้งนี้แผลลึกอีก 3 และ 2.5 เซนติเมตร ตามลำดับ ส่วนสภาพของบาดแผลมีขนาดใกล้เคียงกับบาดแผลที่ใต้ราวนมซ้าย ซึ่งปรากฏตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้องให้ความเห็นไว้ว่าใช้เวลารักษาประมาณ 10 วันหาย ถ้าไม่มีโรคแทรกซ้อนนั้น ถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าหรือไม่ เห็นว่า สภาพลักษณะของบาดแผลที่บริเวณโคนขาทั้ง 2แผล มิใช่เป็นบาดแผลสาหัสและข้อที่สำคัญแพทย์ผู้ตรวจบาดแผลไม่ได้ให้ความเห็นว่า บริเวณโคนขาขวา ถือว่าเป็นส่วนสำคัญของร่างกายและอาจทำให้ตายได้แต่อย่างใด สำหรับบาดแผลที่ใต้ราวนมซ้ายนั้น แม้เป็นตำแหน่งส่วนสำคัญของร่างกายและผู้เสียหายว่าจำเลยแทงโดยแรงแต่ได้ความจากแพทย์ผู้ตรวจบาดแผลว่า ไม่อาจบอกได้ว่า แทงโดยแรงหรือไม่เพราะแผลลึกติดกระดูกซี่โครง อย่างไรก็ดี ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยแทงไปถูกที่ใต้ราวนมเป็นแผลแรก เมื่อผู้เสียหายล้มลง จึงได้แทงไปถูกที่โคนขาตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้องปรากฏว่าบาดแผลที่โคนขาทั้ง 2 แผล ลึกมากกว่าบาดแผลที่ใต้ราวนมและบาดแผลทั้ง 3 แผลเป็นเพียงอันตรายแก่กายเท่านั้น จากข้อเท็จจริงดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า จำเลยใช้มีดแทงเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บเป็นแผลลึกมากที่สุดคือบาดแผลที่โคนขา ประกอบกับได้ความจากพยานโจทก์ว่า จำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหายในขณะที่จำเลยเมาสุรา โดยไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน มีดที่ใช้แทงผู้เสียหายไม่มีด้าม และได้ความจากนายปรุงพยานโจทก์ซึ่งเป็นพี่ผู้เสียหายว่า เป็นมีดเก่ามีสนิมติดอยู่ด้วย ซึ่งเห็นได้ว่าไม่เหมาะที่จะใช้แทงผู้อื่นให้ถึงตาย รวมทั้งเมื่อพิเคราะห์ถึงว่าหลังจากจำเลยแทง ไปถูกผู้เสียหายในครั้งแรกแล้วผู้เสียหายล้มลงและในทันทีทันใดนั้น จำเลยก็มีอาวุธติดตัวแต่ฝ่ายเดียว ย่อมมีโอกาสที่จะเลือกหรือกำหนดได้ว่าจะแทงไปถูกตรงไหนในส่วนสำคัญของร่างกายผู้เสียหายได้สะดวกจำเลยกลับแทงไปตรงที่บริเวณโคนขาในส่วนที่ไม่เกิดอันตรายร้ายแรงเช่นนี้จึงฟังไม่ถนัดว่า จำเลยแทงผู้เสียหายโดยมีเจตนาจะฆ่าให้ตาย จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 เท่านั้น

พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share