แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การฟ้องขอให้ลงโทษฐานฉ้อโกงตามมาตรา 304 จำต้องกล่าวในฟ้องด้วยว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตคิดหลอกลวง มิฉะนั้นเป็นฟ้องที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ใช้อุบายหลอกลวงบุตรโจทก์ว่าคู่รักของบุตรโจทก์ยังให้มารับไปพบกัน บุตรโจทก์หลงเชื่อ จึงได้เก็บทรัพย์รวมราคา ๕๘๘ บาทไปกับจำเลยและจำเลยได้ใช้อุบายหลอกลวงให้บุตรของโจทก์ส่งทรัพย์แก่จำเลย โดยอ้างว่าไปตามทางเปลี่ยวอาจมีอันตราย บุตรโจทก์หลงเชื่อจึงส่งทรัพย์ให้แก่จำเลย แล้วจำเลยเอาไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียระหว่างที่บุตรของดจทก์ไปกับจำเลย ๆ ได้ข่มขืนทำชำเราสำเร็จหลายครั้ง จึงขอให้ลงโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานฉ้อโกงตามมาตรา ๓๐๔ ส่วนข้อหาอื่นให้ยกเสีย
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุธรณ์เห็นว่าฟ้องของโจทก์ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงพิพากษากลับ
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า เกณฑ์สำคัญในมาตรา ๓๐๔ จักต้องมีเจตนาทุจริตคิดหลอกลวงซึ่งเป็นสาระสำคัญ จำเป็นต้องกล่าวในฟ้องตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๕๘ (๕) เมื่อฟ้องไม่ถูกต้องตามกฎหมายเช่นนี้ ก็จำต้องยกฟ้อง จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์.