แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อตกลงในสัญญาเช่าซื้อที่ว่า ยอมให้ผู้ให้เช่าซื้อริบเงินที่ค้างชำระก็เท่ากับกำหนดเงินเบี้ยปรับหรือค่าเสียหายไว้ล่วงหน้า หากเบี้ยปรับที่ริบนั้นสูงเกินส่วนก็ชอบที่จะลดลงเป็นจำนวนพอสมควรแก่ความเป็นธรรมได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาเช่าซื้อเครื่องพิมพ์ไปจากโจทก์ ราคา ๑๐๐,๐๐๐ บาท จำเลยชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์เพียง ๓๐,๐๐๐ บาท จำเลยค้างชำระทุกงวด ๆ ละ ๑๐,๐๐๐ บาท เป็นเงิน ๗๐,๐๐๐ บาท โจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ ให้จำเลยส่งเครื่องพิมพ์และชำระเงิน ๗๐,๐๐๐ บาท กับดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง ๑๙,๒๗๙.๐๘ บาท ฯลฯ
จำเลยให้การว่า เครื่องพิมพ์ใช้การไม่ได้ตามสัญญา จำเลยต้องซื้อเครื่องมาซ่อมแซมเพิ่มเติมเป็นเงิน ๓๐,๐๐๐ บาท โจทก์ไม่มาซ่อม จำเลยจึงไม่ชำระเงินค่าเช่าซื้อ ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า เครื่องพิมพ์มิได้ชำรุดบกพร่อง และฟังไม่ได้ว่าจำเลยจ่ายเงินค่าซ่อม ๓๐,๐๐๐ บาท และศาลฎีกาเห็นว่า ข้อตกลงในสัญญาที่ยอมให้โจทก์ริบเงินที่ค้างชำระนั้น ก็เท่ากับกำหนดเงินเบี้ยปรับหรือค่าเสียหายไว้ล่วงหน้า หากเบี้ยปรับที่ริบนั้นสูงเกินส่วน ก็ชอบที่จะลดลงเป็นจำนวนพอสมควรแก่ความเป็นธรรมก็ได้ เห็นว่าโจทก์ขาดประโยชน์ค่าเช่าที่ควรได้จากเครื่องพิมพ์ซึ่งมีราคาตามสัญญาเช่าซื้อ ๑๐๐,๐๐๐ บาท (โดยรับชำระไว้แล้ว ๓๐,๐๐๐ บาท) เป็นเวลา ๕๐ เดือน เป็นเงิน ๔๐,๐๐๐ บาท ก็เหมาะสมกับความยุติธรรม เนื่องจากโจทก์ละเลยไม่เสนอคดีต่อศาล ทำให้เกิดความเสียหายมากขึ้น เทียบคำพิพากษาฎีกาซึ่งวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ที่ ๑๑๙๕/๒๕๑๑ เฉพาะที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกัน บังคับให้จำเลยใช้เงิน ๘๙,๒๗๙.๐๘ บาท กับดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน ๗๐,๐๐๐ บาท นับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยใช้เงิน ๔๐,๐๐๐ บาท กับดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน ๔๐,๐๐๐ บาท นับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้นี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.