แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่โดยอ้างเหตุแต่เพียงว่าที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้สืบและฟังพยานโจทก์ฝ่ายเดียวแล้วมีความเห็นว่าจำเลยทั้งสองเป็นหนี้โจทก์ จำเลยเห็นว่ายังไม่เป็นธรรมเพราะจำเลยมิได้มีโอกาสต่อสู้คดีตามที่จำเลยได้ยื่นคำให้การไว้แล้ว หากจำเลยได้นำสืบตามข้อต่อสู้จำเลยมีทางชนะโจทก์ได้อย่างแน่นอน ดังนี้เป็นการกล่าวอ้างที่เลื่อนลอยเพราะไม่มีเหตุผลที่จะแสดงให้เห็นว่าหากมีการพิจารณาใหม่แล้วจำเลยอาจชนะคดีได้อย่างไร จึงเป็นคำร้องขอที่มิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นไม่ต้องด้วยบทบัญญัติของมาตรา 208 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยที่ ๑ ในฐานะผู้สั่งจ่ายเช็คจำเลยที่ ๒ ในฐานะผู้ค้ำประกัน ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันและแทนกันชำระหนี้ตามเช็คพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้คดี
ศาลชั้นต้นให้จำเลยทั้งสองนำสืบก่อน จำเลยและโจทก์ขอเลื่อนการสืบพยานไปสองครั้ง ในวันนัดครั้งที่ ๓ จำเลยทั้งสองและทนายจำเลยไม่มาศาลศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยทั้งสองขาดนัดพิจารณา ให้สืบพยานโจทก์ไปแล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินให้แก่โจทก์
จำเลยที่ ๒ ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่
ศาลชั้นต้นยกคำร้อง
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๒ กล่าวอ้างในคำขอให้พิจารณาใหม่แต่เพียงว่าที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้สืบและฟังพยานโจทก์ฝ่ายเดียวแล้วมีความเห็นว่าจำเลยทั้งสองเป็นหนี้โจทก์ จำเลยเห็นว่ายังไม่เป็นธรรมเพราะจำเลยมิได้มีโอกาสต่อสู้คดีตามที่จำเลยให้การไว้แล้ว หากจำเลยได้นำสืบตามข้อต่อสู้ จำเลยมีทางชนะโจทก์อย่างแน่นอน ดังนี้ เป็นข้อกล่าวอ้างที่เลื่อนลอยเพราะไม่มีเหตุผลที่จะแสดงให้เห็นว่าหากมีการพิจารณาใหม่แล้วจำเลยอาจชนะคดีได้อย่างไรบ้าง คำร้องขอของจำเลยที่ ๒ จึงไม่ได้กล่าวโดยละเอียดซึ่งข้อคัดค้านคำชี้ขาดของศาลชั้นต้น ไม่ต้องด้วยบทบัญญัติของมาตรา ๒๐๘ วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งฎีกาของจำเลยที่ ๒ ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ