คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 510/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยและ อ. โต้เถียงกันก่อนแล้วใช้อาวุธทำร้ายกัน จำเลยชกต่อยแล้วใช้มีดฟันและแทง อ.จนได้รับบาดเจ็บจึงถูกอ. ตีจนได้รับบาดเจ็บ การกระทำของจำเลยมิใช่เกิดจากการที่จำเลย กระทำโดยป้องกันสิทธิของตน.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295, 297ริบมีดกับปลอกมีดของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297(8) จำคุก 4 ปี จำเลยให้การชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี 8 เดือน ริบมีดและปลอกมีดของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลย 1 ปี เนื่องจากคำให้การชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาไม่มีเหตุบรรเทาโทษจึงไม่ลดโทษให้ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาโดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า จำเลยและนายอาทรทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันโดยนายอาทรใช้ท่อนไม้ตีจำเลยถูกบริเวณศีรษะกับตาข้างขวา ปรากฏตามผลการชันสูตรบาดแผลของแพทย์เอกสารหมาย จ.11 และจำเลยใช้มีดฟันและแทงนายอาทรถูกบริเวณศีรษะด้านซ้ายและที่ท้อง ปรากฏตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์เอกสารหมาย จ.9 ปัญหาจะต้องวินิจฉัยมีว่าจำเลยกระทำไปโดยป้องกันสิทธิของตนหรือไม่ โจทก์นำสืบว่า การทำร้ายกันเกิดจากจำเลยและนายอาทรโต้เถียงกันแล้วจำเลยลงมือทำร้ายนายอาทรก่อน ต่อจากนั้นจึงต่อสู้ทำร้ายซึ่งกันและกันส่วนจำเลยนำสืบว่าไปช่วยนายเกษมเลื่อยไม้ เมื่อนายเกษมกับนายอาทรโต้เถียงกันเรื่องไม้เป็นของใครแล้วนายเกษมไปตามผู้ใหญ่บ้าน จำเลยเพียงแต่บอกนายอาทรให้ไม้นายเกษมไป จะได้ไม่มีเรื่องกัน นายอาทรกับนายสีจะเข้ามาทำร้าย จำเลยจึงเดินตามนายเกษมและพวกที่มาเลื่อยไม้ไปต่อจากนั้นก็ถูกนายอาทรถือไม้วิ่งตามมาตีจนจำเลยล้มลง จำเลยเพียงแต่ใช้มีดปัดป่ายไม่ให้นายอาทรทำร้ายเท่านั้น ปัญหาว่าข้อต่อสู้ของจำเลยฟังได้เพียงใด เห็นว่า จากเอกสารหมาย จ.9 บาดแผลที่เกิดกับนายอาทรคือที่ศีรษะด้านซ้ายยาว 6 เซ็นติเมตร ลึก 0.4 เซ็นติเมตรกับแผลที่ท้องยาวประมาณ 3 เซ็นติเมตร มีเยื่อหุ้มลำไส้กองอยู่ภายนอก ลำไส้ทะลุประมาณ 10 รู เลือดตกในมาก บาดแผลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าเป็นบาดแผลที่เกิดจากการกระทำอย่างรุนแรง โดยเฉพาะที่ท้องจะต้องเป็นการแทงที่ไม่ได้อยู่ในลักษณะที่จำเลยล้มลงนอนอยู่แล้วใช้มีดปัดป่ายเพื่อป้องกันดังที่จำเลยนำสืบนอกจากนี้หากจำเลยซึ่งมีอายุถึง 71 ปี ถูกตีจนได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะหลายแห่ง รวมทั้งที่ตาขวาถึงขนาดตาบอด ปรากฏตามเอกสารหมายจ.11 แสดงว่าถูกตีอย่างรุนแรงจนล้มลง แล้วก็ไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถฟันและแทงนายอาทรในขณะนอนอยู่จนนายอาทรได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกันเมื่อพิเคราะห์คำเบิกความของนายเกษมพยานจำเลยเองว่า นายอาทรใช้ไม้ตีศีรษะจำเลยล้มลงแล้วตีซ้ำอีกหลายที จำเลยพยายามจะลุกขึ้นจึงถูกนายอาทรตีซ้ำ จำเลยเซไปมา เห็นจำเลยแกว่งมือไปมาพยานเห็นว่าขืนปล่อยไว้จำเลยจะต้องถูกตีตาย จึงวิ่งเข้าไปจะห้าม นายอาทรจึงผละหนีไป ซึ่งแสดงว่าเมื่อถูกตีนั้นจำเลยไม่อยู่ในสภาพที่จะต่อสู้นายอาทรได้แล้ว ประกอบกับนายอาทรอายุเพียง 34 ปี เท่านั้นโอกาสที่จำเลยจะตอบโต้การกระทำของนายอาทรย่อมเกิดขึ้นได้ยากตามพฤติการณ์น่าเชื่อตามที่โจทก์นำสืบว่า จำเลยกับนายอาทรโต้เถียงกันก่อนใช้อาวุธทำร้ายกันแล้วจำเลยลงมือทำร้ายนายอาทรก่อนด้วยจำเลยชกต่อยแล้วใช้มีดฟันและแทงนายอาทรจนได้รับบาดเจ็บจึงถูกนายอาทรตีจนได้รับบาดเจ็บ ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าจำเลยและนายอาทรโต้เถียงกันก่อนแล้วเข้าทำร้ายกัน มิใช่เกิดจากการที่จำเลยกระทำโดยป้องกันสิทธิของตน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามฟ้อง”
พิพากษายืน.

Share