แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่ศาลอุทธรณ์ภาค3ฟังข้อเท็จจริงว่าจ.ผู้ขับรถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยไว้มีส่วนประมาทโจทก์จึงไม่อาจเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยได้นั้นเป็นปัญหาตามอุทธรณ์ของโจทก์ในประเด็นข้อพิพาทที่ศาลชั้นต้นกำหนดว่าเหตุเกิดจากความประมาทของจำเลยที่1หรือไม่อันมีความหมายรวมไปถึงว่าความประมาทดังกล่าวจะมีผลทำให้จำเลยที่1ต้องรับผิดต่ออีกฝ่ายหรือไม่เพียงใดและที่ศาลอุทธรณ์ภาค3วินิจฉัยว่าเหตุเกิดจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่1และจ.ซึ่งไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันค่าเสียหายทั้งสองฝ่ายจึงเป็นพับไปนั้นเป็นการวินิจฉัยไปตามพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยในประเด็นพิพาทไม่เป็นการฟังข้อเท็จจริงขึ้นใหม่โดยไม่มีฝ่ายใดอุทธรณ์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์หมายเลขทะเบียนน-3891 ของจำเลยที่ 2 ผู้เป็นนายจ้างไปตามถนนปากน้ำ-ชุมพรจากจังหวัดชุมพรมุ่งหน้าไปทางปากน้ำชุมพรด้วยความประมาทเลินเล่อโดยเมื่อขับรถมาถึงบริเวณสะพานในเขตตำบลบางหมาก อำเภอเมืองชุมพรจังหวัดชุมพร ซึ่งเป็นบริเวณที่ทางราชการกำลังปรับปรุงซ่อมแซมถนนในช่องเดินรถของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงขับรถเปลี่ยนช่องเดินรถมาทางขวามือล้ำเข้ามาในช่องเดินรถของรถที่สวนมาและเฉี่ยวชนกับรถยนต์หมายเลขทะเบียน ม-1131 ซึ่งโจทก์รับประกันภัยไว้จากบริษัทสาลวินจำกัด ทำให้ได้รับความเสียหายทั้งสองคันโจทก์ได้จัดการซ่อมและส่งมอบรถยนต์คันดังกล่าวคืนให้ผู้เอาประกันภัย และเข้ารับช่วงสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยที่ 1 ผู้ทำละเมิดและจำเลยที่ 2 ในฐานะตัวการหรือนายจ้างของจำเลยที่ 1 ซึ่งกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ทั้งในฐานะที่จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์หมายเลขทะเบียนน-3891 ชุมพร ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน51,725 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน49,260 บาท นับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่า โจทก์ซ่อมรถยนต์หมายเลขทะเบียนม-1131 ชุมพร โดยจัดการงานนอกสั่งไม่ใช่รับช่วงสิทธิ ในวันเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน น-3891 ชุมพรในฐานะส่วนตัว เหตุรถชนกันเกิดความประมาทเลินเล่อของนายเจริญผู้ขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ม-1131 ชุมพร ฝ่ายเดียว โดยนายเจริญขับรถด้วยความเร็วสูง เมื่อมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทางเบี่ยงและเป็นสะพานที่ทางราชการกำลังปรับปรุงนายเจริญมิได้ชะลอความเร็ว จึงเกิดเฉี่ยวชนกับรถยนต์คันที่จำเลยที่ 1 ขับสวนทางมาเป็นเหตุให้รถยนต์ทั้งสองคันได้รับความเสียหาย โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยที่ 1ค่าซ่อมรถยนต์หมายเลขทะเบียน ม-1131 ชุมพร ไม่เกิน 5,000 บาทขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของรถยนต์หมายเลขทะเบียน น-3891 ชุมพร ในวันเกิดเหตุจำเลยที่ 2 ไปธุระข้างนอกกับผู้มีชื่อโดยลืมกุญแจรถยนต์ดังกล่าวไว้ที่โต๊ะทำงาน จำเลยที่ 1 หยิบกุญแจรถยนต์นั้นไปโดยไม่ได้รับอนุญาต และขับรถยนต์คันดังกล่าวไปในกิจการส่วนตัว จำเลยที่ 1 ไม่ใช่ลูกจ้างของจำเลยที่ 2 เหตุรถชนกันเกิดจากความประมาทเลินเล่อของนายเจริญโดยขับรถด้วยความเร็วสูง เมื่อถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นสะพานมีทางเบี่ยงจึงไม่สามารถหยุดรถได้ทันและเฉี่ยวชนกับรถยนต์คันที่จำเลยที่ 1 ขับสวนมา จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิด ค่าซ่อมรถยนต์ที่โจทก์เรียกมาเกินความจริง เพราะค่าซ่อมรถยนต์ที่แท้จริงไม่เกิน 5,000 บาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่า การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3ฟังข้อเท็จจริงว่านายเจริญ หันหวลผู้ขับรถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยไว้มีส่วนประมาท โจทก์จึงไม่อาจเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยได้นั้น เป็นการฟังข้อเท็จจริงขึ้นใหม่โดยไม่มีฝ่ายใดยกขึ้นอุทธรณ์ เนื่องจากโจทก์อุทธรณ์เพียงว่าเหตุเกิดจากความประมาทของจำเลยที่ 1 หรือไม่ ส่วนจำเลยทั้งสองก็มิได้ยื่นอุทธรณ์ คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 3 จึงไม่ชอบ เห็นว่าประเด็นที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยมาเป็นปัญหาตามอุทธรณ์ของโจทก์ในประเด็นพิพาทที่ศาลชั้นต้นกำหนดว่า เหตุเกิดจากความประมาทของจำเลยที่ 1 หรือไม่ อันมีความหมายรวมไปถึงว่าความประมาทดังกล่าวจะมีผลทำให้จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดต่ออีกฝ่ายหรือไม่เพียงใด ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่า เหตุเกิดจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 และนายเจริญซึ่งไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันค่าเสียหายทั้งสองฝ่ายจึงเป็นพับไปนั้นเป็นการวินิจฉัยไปตามพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยในประเด็นพิพาท ไม่เป็นการฟังข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ โดยไม่มีฝ่ายใดอุทธรณ์ดังโจทก์ฎีกา
พิพากษายืน