คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 509/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บุคคลจะทำพินัยกรรมกำหนดการเผื่อตายได้ก็แต่เฉพาะทรัพย์สินของตนเองเท่านั้น จะกำหนดการเผื่อตายในทรัพย์สินของคนอื่นไม่ได้ หากเป็นทรัพย์สินที่สามีภริยามีกรรมสิทธิ์ร่วมกัน สามีหรือภริยาไม่มีอำนาจทำพินัยกรรมยกสินบริคณห์ให้ผู้อื่นเกินกว่าส่วนของตน
แม้ในพินัยกรรมจะปรากฏข้อความว่า “เพื่อมิให้ยุ่งยากจึงให้นางจ้อยภริยาข้าพเจ้าเป็นพยานยกให้ด้วย” และภริยาได้พิมพ์ลายมือไว้ในช่องพยานด้วยก็ตาม ก็๋ไม่ใช่ในฐานะผู้ทำพินัยกรรม หากเป็นเพียงพยานรับรู้ว่าสามีได้ทำพินัยกรรมจริงเท่านั้น แม้จะถือว่าภริยายินยอมให้สามีทำพินัยกรรม พินัยกรรมก็ไมมีผลผูกพันถึงสินบริคณห์ส่วนของภริยา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นภริยาของนายสิน จำปาไทย นายสินถึงแก่กรรมโดยไม่มีบุตรกับโจทก์ และพี่น้องนายสินถึงแก่กรรมหมดแล้วโจทก์ยื่นคำร้องขอรับมรดกนายสันต่ออำเภอ นางสาวปราณีกับจำเลยคัดค้าน โดยจำเลยอ้างว่าเป็นบุตรบุญธรรมของนายสิน นายสินได้ทำพินัยกรรมไว้ แต่จำเลยมิได้แสดงพินัยกรรม และจำเลยไม่ใช่บุตรบุญธรรมของนายสินโดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นการรบกวนสิทธิโจทก์ และทรัพย์ที่จำเลยอ้างว่านายสินทำพินัยกรรมยกให้ก็เป็นสินสมรสของโจทก์กึ่งหนึ่งนายสินไม่มีอำนาจทำพินัยกรรมยกให้ใคร พินัยกรรมปลอม ขอให้ศาลแบ่งทรัพย์ให้เป็นสินสมรสของโจทก์กึ่งหนึ่ง ส่วนที่เหลือเป็นมรดกของนายสินตกได้แก่โจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง
จำเลยสู้ว่าจำเลยเป็นบุตรบุญธรรมของนายสิน ๆ ทำพินัยกรรมยกทรัพย์ตามฟ้องในจำเลยโดยยินยอมของโจทก์ ๆ ขอรับมรดกโดยปิดบังพินัยกรรมทั้ง ๆ ที่รู้ จึงถูกจำกัดสิทธิมิให้ได้รับมรดก
ในวันที่ชี้สองสถาน จำเลยรับว่าเป็นบุตรบุญธรรมของโจทก์ของนายสินโดยมิได้จดทะเบียน
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า ทรัพย์ตามบัญชีท้ายฟ้องเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับนายสินสามีกึ่งหนึ่งอีกกึ่งหนึ่งเป็นมรดกนายสิน นายสินทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้เกิดกว่าส่วนที่ของตนไม่ได้ และพินัยกรรมของนายสินสมบูรณ์มีผลเพียงเฉพาะส่วนของนายสินเท่านั้น
จำเลยอุทธรณ์ว่า โจทก์ไม่มีสินเดิม หากแบ่งสินสมรสโจทก์จะได้เพียง ๑ ส่วน อีก ๒ ส่วน เป็นมรดกของนายสินตกได้แก่จำเลย โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนพินัยกรรมเกินกว่า ๓ เดือนไม่ได้ โจทก์ปิดบังพินัยกรรมจึงถูกจำกัดมิให้รับมรดก
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์สินเดิม ไม่พอฟังว่าโจทก์ปิดบังพินัยกรรมอันเป็นเหตุให้ถูกจำกัดมิให้รับมรดก จำเลยมิได้ยกอายุความต่อสู้ในคำให้การ จะอุทธรณ์ไม่ได้ พินัยกรรมนาย+ทำโดยโจทก์ยินยอมเห็นชอบ ทรัพย์ตามพินัยกรรมจึงตกให้แก่จำเลยทั้งหมด พิพากษากลับ ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาว่าพินัยกรรมนายสินมีผลเฉพาะทรัพย์สินบริคณห์ส่วนของนายสินเท่านั้น โจทก์ไม่ได้ทำพินัยกรรมร่วมด้วย โจทก์พิมพ์ลายนิ้วมือโดยไม่รู้ว่าเป็นพินัยกรรม ไม่มีพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือ ไม่สมบูรณ์ และไม่ผูกพันสินบริคณห์ส่วนของโจทก์
ศาลฎีกาเห็นว่า นายสินได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้จำเลยจริง แต่บุคคลจะทำพินัยกรรมกำหนดการเผื่อตายได้ก็แก่เฉพาะทรัพย์สินของตนเท่านั้น จะกำหนดการเผื่อตายในทรัพย์สินของคนอื่นไม่ได้ หากเป็นทรัพย์สินที่สามีภริยามีกรรมสิทธิ์ร่วมกัน สามีหรือภริยาไม่มีอำนาจทำพนัยกรรมยกสินบริคณห์ให้ผู้อื่นเกินกว่าส่วนของตน นายสินจะทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินบริคณห์ให้จำเลยเกินกว่าส่วนของตนไม่ได้ แม้ในพินัยกรรมจะปรากฏข้อความว่า “เพื่อมิให้ยุ่งยากจึงให้นางจ้อยภริยาของข้าพเจ้าเป็นพยานยกให้ด้วย” และโจทก์ได้พิมพ์ลายมือไว้ในช่องพยานด้วยก็ตาม ก็ไม่ใช่ฐษนะผู้ทำพินัยกรรมหากเป็นเพียงพยานรับรู้ว่านายสินได้ทำพินัยกรรมดังกล่าวจริงเท่านั้น แม้จะถือว่าภริยายินยอมให้สามีทำพินัยกรรม ๆ ก็ไม่มีผลผูกพันถึงสินบริคณห์ส่วนของโจทก์
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share