คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5088/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยให้การต่อสู้คดีแต่เพียงว่า จำเลยไม่ได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้และหนังสือดังกล่าวไม่มีข้อความแสดงว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์ จำเลยมิต้องรับผิด ดังนั้นที่จำเลยฎีกาว่า หนังสือรับสภาพหนี้มีจำเลยลงลายมือชื่อเพียงฝ่ายเดียวโดยโจทก์มิได้สนองตอบในข้อสัญญา และจำเลยเป็นหนี้โจทก์เพียง 3,827 บาทจึงเป็นการกล่าวอ้างยกข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่ มิได้ว่ากล่าวกันมาในศาลล่างเป็นการไม่ชอบ เมื่อมูลหนี้เดิมขาดอายุความแล้ว จำเลยได้ทำสัญญารับสภาพความรับผิด ถือได้ว่าจำเลยได้ละเสียซึ่งอายุความที่ครบบริบูรณ์แล้ว สัญญารับสภาพความรับผิดย่อมสมบูรณ์มีผลบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 188 วรรคสาม,192 วรรคแรกจึงต้องนับอายุความใหม่นับแต่วันทำสัญญารับสภาพความรับผิดเป็นต้นไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เดิมจำเลยเป็นลูกค้าสั่งซื้อปูนขาวจากโจทก์หลายครั้ง เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2527 โจทก์จำเลยคิดบัญชีกันแล้วจำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่ 28,737 บาท จำเลยได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ว่าจะชำระให้แก่โจทก์ตามสำเนาเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1หลังจากนั้นจำเลยไม่ชำระเงินให้โจทก์ ขอให้จำเลยชำระเงิน 28,737บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระให้โจทก์เสร็จจำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1 ไม่มีข้อความว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์ ฟ้องของโจทก์ขาดอายุความเพราะหนี้ค่าปูนขาวค้างชำระมาตั้งแต่ พ.ศ. 2525เป็นเวลาเกินกว่า 2 ปีแล้ว ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 28,737 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี นับตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระหนี้เสร็จสิ้นให้แก่โจทก์ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงที่คู่ความนำสืบรับกันแล้วฟังได้ว่าจำเลยได้ทำหนังสือเอกสารหมาย จ.1 ให้แก่โจทก์ ข้อความตามเอกสารดังกล่าวระบุว่า จำเลยยอมชำระเงินแก่โจทก์ทั้งหมด28,737 บาท เอกสารหมาย จ.1 จึงเป็นหนังสือรับสภาพความรับผิดที่จำเลยฎีกาว่าตามหนังสือเอกสารหมาย จ.1 มีจำเลยลงลายมือชื่อเพียงฝ่ายเดียวโดยโจทก์มิได้สนองตอบในข้อสัญญาแต่อย่างใด จึงไม่มีผลใช้บังคับได้และจำเลยเป็นหนี้โจทก์เพียง 3,827 บาท โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเกินกว่าจำนวนดังกล่าวนั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยให้การต่อสู้คดีแต่เพียงว่า จำเลยไม่ได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ หนังสือเอกสารหมาย จ.1 ไม่มีข้อความที่แสดงว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์ จำเลยมิต้องรับผิด ดังนั้นที่จำเลยกล่าวในฎีกาว่า “ตามหนังสือเอกสารหมาย จ.1 มีจำเลยลงลายมือชื่อเพียงฝ่ายเดียว โดยโจทก์มิได้สนองตอบในข้อสัญญาแต่อย่างใด และจำเลยเป็นหนี้โจทก์เพียง 3,827 บาท” นั้น ซึ่งเป็นการกล่าวอ้างยกข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่ มิได้ว่ากล่าวกันมาในศาลล่างเป็นการไม่ชอบศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้ ส่วนฎีกาของจำเลยในข้อที่ว่า ฟ้องของโจทก์ขาดอายุความแล้วนั้น เห็นว่า ข้อเท็จจริงแม้จะฟังได้ตามคำให้การของจำเลยว่ามูลหนี้เดิมขาดอายุความแล้ว ต่อมาจำเลยได้ทำสัญญารับสภาพความรับผิดเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2527 ตามเอกสารหมายจ.1 ถือได้ว่าจำเลยได้ละเสียซึ่งอายุความที่ครบบริบูรณ์แล้วสัญญาดังกล่าวย่อมสมบูรณ์มีผลบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 188 วรรคสาม, 192 วรรคแรก จึงต้องนับอายุความใหม่นับตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2527 เป็นต้นไป ฟ้องของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ”
พิพากษายืน

Share