แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามหนังสือมอบอำนาจระบุว่า โจทก์มอบอำนาจให้ ช. และหรือว. ฟ้องจำเลยแทน เป็นการมอบอำนาจให้บุคคลคนเดียวหรือหลายคนกระทำการครั้งเดียว คือ ฟ้องคดีแทน หนังสือมอบอำนาจดังกล่าวต้องปิดอากรแสตมป์เพียง 10 บาทเท่านั้น ตามบัญชีอัตราแสตมป์ ข้อ 7(ก) แห่งประมวลรัษฎากร หนังสือมอบอำนาจของโจทก์ปิดอากรแสตมป์มา 30 บาท ซึ่งเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดถือได้ว่าครบถ้วนสมบูรณ์ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 แล้วรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากอาคารพิพาทและให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 69,000 บาท และค่าเสียหายอีกเดือนละ 6,000 บาทนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยจะออกไปจากอาคารพิพาทแก่โจทก์แต่โจทก์ก็มิได้เรียกร้องค่าเสียหายนี้มาอย่างเอกเทศในข้อหาอื่นคงเรียกมาเป็นส่วนหนึ่งของการฟ้องขับไล่จำเลยออกจากอาคารพิพาทเท่านั้น เมื่อได้ความว่าในขณะที่ยื่นคำฟ้องอาคารพิพาทมีค่าเช่าไม่เกินเดือนละ 2,000 บาท จึงเป็นคดีต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคสอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกนายคง ฉ่ำใจ ซึ่งเป็นเจ้าของอาคารพิพาทที่จำเลยเช่า โจทก์ได้บอกเลิกการเช่าแล้วจำเลยไม่ยอมออกจากอาคารพิพาท ขอให้บังคับจำเลยและบริวารออกไปจากตึกแถวเลขที่ 13/11 และ 13/12 ให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย69,000 บาท และค่าเสียหายอีกเดือนละ 6,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยจะออกไปจากตึกแถวพิพาทแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ได้มอบอำนาจให้นายชัยพฤกษ์ ดาวเจริญหรือนายวิชาญ จันทร์ศรีทอง เป็นผู้ฟ้องคดีแทนโจทก์ ลายมือชื่อในหนังสือมอบอำนาจไม่ใช่ลายมือชื่อของโจทก์ ตึกแถวพิพาทไม่ใช่กรรมสิทธิ์ของโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลย จำเลยไม่ได้ปฏิบัติผิดเงื่อนไขแห่งการเช่าขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยพร้อมบริวารออกจากตึกแถวพิพาทเลขที่ 13/11 และ 13/12 และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 1,000 บาท นับแต่เดือนมีนาคม 2530 เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกจากตึกแถวดังกล่าว
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาตามฎีกาของจำเลยข้อแรกว่า โจทก์มอบอำนาจให้บุคคลสองคนฟ้องคดีโดยปิดอากรแสตมป์มาเพียง 30 บาทไม่ครบถ้วนตามกฎหมาย รับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้ ผู้รับมอบอำนาจจึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้น ข้อเท็จจริงได้ความตามหนังสือมอบอำนาจตามเอกสารหมาย จ.1 ว่า โจทก์มอบอำนาจให้นายชัยพฤกษ์ ดาวเจริญ และหรือนายวิชาญ จันทร์ศรีทองฟ้องจำเลยแทนเป็นการมอบอำนาจให้บุคคลคนเดียวหรือหลายคนกระทำการครั้งเดียว คือ ฟ้องคดีแทน หนังสือมอบอำนาจดังกล่าวต้องปิดอากรแสตมป์เพียง 10 บาท เท่านั้น ตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ข้อ 7(ก) แห่งประมวลรัษฎากรหนังสือมอบอำนาจของโจทก์เอกสารหมายจ.1 ปิดอากรแสตมป์มา 30 บาท ซึ่งเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดถือได้ว่าครบถ้วนสมบูรณ์ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 แล้วรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ ผู้รับมอบอำนาจโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
ที่จำเลยฎีกาข้อต่อมาว่า โจทก์ฟ้องจำเลยโดยมีทุนทรัพย์66,000 บาท (ตามฟ้อง 69,000 บาท) ไม่ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคแรกนั้น เห็นว่าแม้คดีนี้โจทก์จะฟ้องขับไล่จำเลยออกจากอาคารพิพาทและให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 69,000 บาท และค่าเสียหายอีกเดือนละ6,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยจะออกไปจากอาคารพิพาทแก่โจทก์ก็ตาม แต่โจทก์ก็มิได้เรียกร้องค่าเสียหายนี้มาอย่างเอกเทศในข้อหาอื่น คงเรียกมาเป็นส่วนหนึ่งของการฟ้องขับไล่จำเลยออกจากอาคารพิพาทเท่านั้น เมื่อได้ความว่าในขณะที่ยื่นคำฟ้องอาคารพิพาทมีค่าเช่าไม่เกินเดือนละ 2,000 บาท จึงเป็นคดีต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคสอง ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่เป็นข้อเท็จจริงจึงชอบแล้ว
พิพากษายืน