แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คู่ความตกลงกันให้ถือเอาข้อแพ้ชนะจากการที่จำเลยกับพวกอีก 2 คนกล้าสาบานและดื่มน้ำสาบานหรือไม่ ถึงวันนัด ว.พวกของจำเลยคนหนึ่งใน 2 คนไม่ยอมสาบานและดื่มน้ำสาบาน โดยแถลงต่อศาลว่าไม่กล้าสาบานและดื่มน้ำสาบาน เพราะบุตรห้ามเกรงว่าคำสาบานจะติดถึงลูกหลาน แม้จะอ้างเหตุดังกล่าวก็เป็นที่แน่นอนว่าไม่กลัวสาบานและดื่มน้ำสาบาน คดีต้องเป็นไปตามที่คู่ความได้ท้ากันทุกประการ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดิน ๑ แปลง นายปรินน้องชายโจทก์ได้นำไปประกันเงินกู้จากจำเลย ตกลงกันว่าเมื่อมีเงินชำระหนี้เมื่อใดจำเลยก็ยินยอมให้ไถ่คืน ต่อมานายปรินถึงแก่กรรม โจทก์ขอไถ่ จำเลยไม่ยอมอ้างว่าเป็นของจำเลย ขอให้พิพากษาว่าที่ดินเป็นของโจทก์ ให้จำเลยรับเงินค่าไถ่ที่ดิน
จำเลยให้การว่านายปรินได้ขายที่ดินพิพาทให้จำเลยเกิน ๑๐ ปีแล้ว คดีโจทก์ขาดอายุความ
ชั้นพิจารณา คู่ความท้ากันว่าถ้าจำเลย นายพวงกับนายเวียงกล้าดื่มน้ำสาบานเฉพาะพระพักตร์พระพุทธปฏิมากรในอุโบสถวัดบ้านสำโรงพลันและต่อหน้า พระสงฆ์ ๗ รูปว่าที่พิพาทจำเลยซื้อจากนายปริน โดยนายพวงเป็นคนเขียนสัญญา นายเวียงเป็นคนรู้เห็นและลงชื่อเป็นพยานในสัญญาแล้ว โจทก์ยอมแพ้คดี หากจำเลยและพยานจำเลยดังกล่าวไม่กล้าสาบาน จำเลยยอมแพ้คดี ครั้นถึงวันนัดนายเวียงไม่กล้าสาบานตามที่ท้ากัน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อนายเวียงไม่ยอมสาบานและดื่มน้ำสาบาน โดยนางเวียงนี้เป็นพยานรู้เห็นและลงชื่อในสัญญาซื้อขายที่นาพิพาท ได้แถลงต่อศาลว่าไม่กล้าสาบานและดื่มน้ำสาบาน เพราะบุตรห้ามเกรงว่าคำสาบานจะติดถึงลูกหลาน ดังนี้ แม้นายเวียงจะอ้างเหตุว่าเพราะบุตรห้ามก็เป็นที่แน่นอนว่าไม่กล้าสาบานและดื่มน้ำสาบาน คดีต้องเป็นไปตามที่คู่ความได้ท้ากันทุกประการ
พิพากษายืน