แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่ชายทะเลน้ำท่วมถึงอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้นเมื่อโจทก์เข้าครอบครองทำประโยชน์มาก่อนจำเลย โจทก์ย่อมมีสิทธิดีกว่า และเมื่อจำเลยเข้าไปรบกวนสิทธิของโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายและขอให้ระงับการขัดขวางของจำเลยนั้นได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ครอบครองที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่าเนื้อที่ 16 ไร่เศษ โดยใช้เป็นที่ขังน้ำทำนาเหลือและตัดฟืน จับกุ้งมานานแล้ว จำเลยได้บุกรุกเข้าแย่งการครอบครองจากโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหาย จึงขอให้ห้ามจำเลยและบริวารมิให้เกี่ยวข้องกับที่พิพาทและให้ใช้ค่าเสียหาย
จำเลยที่ 1 ต่อสู้ว่า ที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินโจทก์ไม่เคยเข้าครอบครอง จำเลยใช้ที่พิพาททำวังกุ้ง โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย และโจทก์มิได้เสียหาย
จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นฟังว่า ที่พิพาทเป็นที่ชายทะเล น้ำท่วมถึง เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์ครอบครองมาก่อนจำเลย จึงมีสิทธิดีกว่า จึงพิพากษาห้ามจำเลยทั้งสองและบริวารมิให้เกี่ยวข้องกับที่พิพาทและให้ใช้ค่าเสียหายบางส่วน
โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน จำเลยย่อมมีสิทธิใช้ได้ในฐานะเป็นพลเมือง จึงพิพากษาแก้เป็นให้ยกคำขอเฉพาะที่ขอห้ามมิให้จำเลยและบริวารเกี่ยวข้องกับที่พิพาท
โจทก์และจำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า ที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน และฟังว่าโจทก์ได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่พิพาทมาก่อนจำเลย โจทก์จึงมีสิทธิในที่พิพาทดีกว่าจำเลย และเห็นว่า แม้ที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน แต่เมื่อโจทก์เข้าถือสิทธิเป็นเจ้าของอยู่โดยได้ทำคันกักน้ำเพื่อชักน้ำไปทำนาเกลือและจับกุ้งปลาในที่พิพาทเมื่อจำเลยได้จับกุ้งปลาในที่พิพาท จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายอนึ่ง แม้ที่พิพาทจะเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน แต่เมื่อโจทก์ครอบครองมาก่อนจำเลย การที่จำเลยเข้าไปรบกวนสิทธิของโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องให้จำเลยระงับการขัดขวางที่เกิดขึ้นได้
จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น