คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5078/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยนำกัญชา 8 ชิ้น ใส่รวมในเข่งใบเดียวกันแล้วนำมะพร้าววางทับไว้ข้างบน หลังจากนั้นจำเลยได้บรรทุกเข่งใส่ท้ายรถจักรยานยนต์เอาไปมอบให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อ พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องที่จำเลยกระทำเพียงเพื่อความสะดวกในการขนส่งกัญชาไปยังจุดหมายที่ประสงค์และอำพรางไม่ให้มีผู้พบเห็นการกระทำผิดของตนเท่านั้น มิใช่เป็นการกระทำเพื่อความสะดวกในการจำหน่ายกัญชาให้แก่ลูกค้าเป็นการทั่วไป การกระทำของจำเลยดังกล่าวจึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการผลิตกัญชาโดยวิธีการรวมบรรจุ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 4, 7, 8, 26, 75, 76, 102 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 4, 7, 8 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 49,91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6)พ.ศ. 2526 มาตรา 4 ริบกัญชาและรถจักรยานยนต์ของกลาง และสั่งห้ามจำเลยเสพยาเสพติดให้โทษทุกประเภทภายในกำหนดเวลาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 49
จำเลยให้การรับสารภาพข้อหามีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายแต่ปฏิเสธข้อหาผลิตกัญชาและจำหน่ายกัญชา
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 75 (ที่ถูกมาตรา 75วรรคหนึ่ง) จำคุก 4 ปี และตามมาตรา 76 วรรคสอง จำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในความผิดข้อหามีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี เรียงกระทงลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวมเป็นจำคุก 6 ปี ริบกัญชาและรถจักรยานยนต์ของกลาง ส่วนที่โจทก์ขอให้ห้ามจำเลยเสพยาเสพติดให้โทษทุกประเภทภายในกำหนดเวลาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 49 นั้น เห็นว่า พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 98 ได้บัญญัติวิธีการบำบัดรักษาไว้แล้ว จึงไม่สมควรที่จะสั่งห้ามอีก ให้ยกคำขอส่วนนี้
โจทก์อุทธรณ์ขอให้นำวิธีการเพื่อความปลอดภัยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 49 มาใช้บังคับแก่จำเลย
จำเลยอุทธรณ์ ขอให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับความผิดข้อหาผลิตกัญชา
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับบทลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 102 ด้วย และให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับความผิดข้อหาผลิตกัญชาตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 26 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 75 วรรคหนึ่งคงให้จำคุกจำเลย 2 ปี สำหรับความผิดข้อหามีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 76วรรคสอง ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเพียงข้อหาเดียว นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงที่ไม่โต้แย้งกันในชั้นนี้ฟังได้ว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้องเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยได้พร้อมด้วยกัญชาแห้งน้ำหนักรวม6.51 กิโลกรัม กับรถจักรยานยนต์ 1 คัน ซึ่งจำเลยใช้เป็นยานพาหนะในการขนส่งกัญชาเป็นของกลาง และฟังเป็นที่ยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยไม่มีการอุทธรณ์ฎีกาแล้วว่า จำเลยได้กระทำความผิดข้อหามีกัญชาของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามฟ้อง ส่วนความผิดข้อหาจำหน่ายกัญชาศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยและมีคำพิพากษาในข้อหานี้ ทั้งโจทก์ก็มิได้อุทธรณ์โต้แย้ง จึงฟังเป็นยุติได้ว่าจำเลยไม่มีความผิดข้อหาจำหน่ายกัญชาตามที่โจทก์ฟ้อง
ปัญหาตามฎีกาของโจทก์มีเพียงว่า จำเลยกระทำความผิดข้อหาผลิตกัญชาตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยหรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยโดยไม่มีข้อโต้แย้งกันแล้วว่า ขณะเกิดเหตุเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้พร้อมกับยึดเข่งไม้ไผ่บรรจุกัญชาเป็นของกลาง โดยกัญชาของกลางนั้นมีลักษณะเป็นพืชแห้งอัดเป็นแท่งรวม3 แท่ง และบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกขนาดใหญ่อีก 5 ถุง ตามภาพถ่ายหมาย ป.จ.1 (ศาลจังหวัดทุ่งสง) เห็นว่า ตามข้อนำสืบของโจทก์ไม่มีพยานมายืนยันว่า จำเลยเป็นคนอัดกัญชาให้เป็นแท่งหรือนำกัญชาแบ่งบรรจุใส่ในถุงพลาสติกดังกล่าว ประกอบกับได้ความจากคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยตามเอกสารหมาย จ.2 ว่า จำเลยเพียงแต่รับจ้างนางผ่องนำเอากัญชาของกลางไปมอบให้แก่ลูกค้าของนางผ่องเท่านั้น คดีจึงยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยเป็นผู้ผลิตกัญชาโดยวิธีการแบ่งบรรจุตามความหมายของบทวิเคราะห์ศัพท์คำว่า “ผลิต” ดังที่พระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4 บัญญัติไว้ส่วนข้อเท็จจริงที่ฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้นำกัญชาของกลางทั้งหมดใส่ในเข่งไม้ไผ่นั้น เห็นได้ว่า ที่จำเลยนำกัญชาทั้ง 8 ชิ้นใส่รวมในเข่งใบเดียวกันแล้วนำมะพร้าววางทับไว้ข้างบน หลังจากนั้นจำเลยได้บรรทุกเข่งใส่ท้ายรถจักรยานยนต์เอาไปมอบให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องที่จำเลยกระทำเพียงเพื่อความสะดวกในการขนส่งกัญชาไปยังจุดหมายที่ประสงค์และอำพรางไม่ให้มีผู้พบเห็นการกระทำผิดของตนเท่านั้น มิใช่เป็นการกระทำเพื่อความสะดวกในการจำหน่ายกัญชาให้แก่ลูกค้าเป็นการทั่วไปการกระทำของจำเลยดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่าเป็นการผลิตกัญชาโดยวิธีการรวมบรรจุตามที่โจทก์ฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกฟ้องความผิดข้อหาผลิตกัญชาชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share