คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 507/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้จำเลยต่อสู้ว่าเป็นนิติกรรมอำพรางความจริงไม่ได้รับเงินเลยเมื่อจำเลยรับว่าได้ทำหนังสือสัญญาซึ่งกล่าวชัดว่าได้รับเงินไปแล้ว เป็นหน้าที่จำเลยนำสืบตามข้อต่อสู้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2493 จำเลยได้ทำสัญญากู้เงินโจทก์ไป 7,000 บาท ให้ยึดเครื่องยนต์เผาหัวขนาด 13 แรง 1 เครื่องประกันเงินกู้ ให้ดอกเบี้ยร้อยละสิบห้าต่อปี สัญญาชำระเงินภายในวันที่ 19 กันยายน2494 ครบกำหนดไม่ชำระ โจทก์ได้ทวงถามก็เพิกเฉย จึงขอให้จำเลยชำระเงิน7,000 บาท กับดอกเบี้ยค้าง 1,176 บาท กับดอกเบี้ยต่อไป

จำเลยแก้ว่า สัญญากู้เงินที่โจทก์จำเลยทำขึ้นเป็นสัญญาอำพรางทำขึ้นเพื่อลวงภรรยาโจทก์ให้หลงเชื่อว่า โจทก์ได้เอาเงินให้จำเลยกู้ไปโจทก์กลัวภรรยาจะว่าเพราะเอาเงินไปเล่นการพนันเสียหมดจำเลยหาได้รับเงินไม่ จึงไม่เป็นสัญญาที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่าสัญญากู้รายนี้มีจำนวนเงินถึง7,000 บาท การที่จำเลยยอมช่วยเหลือโจทก์ถึงกับยอมเซ็นสัญญากู้ให้โจทก์โดยไม่มีผลตอบแทน ยิ่งกว่านั้นยังยอมให้เอาเครื่องยนต์ของจำเลยที่นำไปจ้างแก้ไว้ที่อู่ฮับไทหลงเป็นประกันเงินกู้อีกด้วย ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นความจริงดังที่จำเลยนำสืบตามคำกล่าวแก้ ฝ่ายโจทก์นำสืบได้ความสมฟ้องเป็นที่น่าเชื่อถือมีสัญญากู้ประกอบเป็นการสนับสนุนให้เห็นว่าได้มีการกู้เงินกันจริงพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 7,000 บาท กับดอกเบี้ยที่ค้างชำระ 1,176 บาท 50 สตางค์ และดอกเบี้ยต่อไปจนกว่าจะได้ชำระให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนาย 200 บาท แทนโจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดีเป็นหน้าที่จำเลยนำสืบ จำเลยสืบพยาน 2 ปากรวมทั้งตัวจำเลยเองใจความว่า โจทก์จำเลยเป็นเพื่อนสนิทกันโจทก์เสียการพนัน 7,000 บาท เกรงจะมีเรื่องกับภรรยา จึงให้จำเลยทำสัญญากู้เพื่อลวงภรรยาโจทก์ แต่พยานจำเลยไม่สมเหตุผลถ้อยคำของจำเลยเองว่า เมื่อโจทก์ขอร้องให้ช่วยทำสัญญากู้นั้นจำเลยรู้สึกกลัวอยู่แล้ว โจทก์ยังเที่ยววานคนโน้นคนนี้ให้เป็นพยานบ้าง วานช่วยเขียนบ้าง แทนที่จะกริ่งเกรงยิ่งขึ้น แต่กลับยอมทำสัญญาให้ จำนวนเงินก็มากถึง 7,000 บาท หากเป็นเรื่องทำขึ้นเพื่อหลอกภรรยาโจทก์จริงอย่างที่จำเลยว่า น่าจะทำกันอย่างงุบงิบเพื่อไม่ให้รู้ไปถึงภรรยาโจทก์การที่ทำสัญญาให้เครื่องยนต์เป็นประกันก็ไม่สมเหตุผล ว่าจะเป็นการทำขึ้นหลอก ๆเพราะเครื่องยนต์มิใช่ราคาเล็ก ๆ น้อย ๆ เมื่อทำสัญญาแล้วเดือนหนึ่ง จำเลยว่าได้ทวงสัญญากู้จากโจทก์ ๆ ว่าลืม แสดงว่าจำเลยวิตกกังวลอยู่ แต่เหตุใดจึงปล่อยไว้อีก 11 เดือนเศษจนจำเลยต้องถูกฟ้อง ฝ่ายโจทก์นำสืบได้สมว่าเป็นการกู้ยืมกันโดยสุจริต จึงให้ยกอุทธรณ์ของจำเลย พิพากษายืน ให้จำเลยเสียค่าทนายชั้นอุทธรณ์อีก 100 บาท

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาได้ประชุมพิจารณาแล้ว คดีนี้ฝ่ายจำเลยรับว่าได้ทำสัญญากู้เงินให้โจทก์ไว้จริง ซึ่งมีข้อความกล่าวไว้ชัดว่าได้รับไปแล้วจึงเป็นหน้าที่จำเลยนำสืบตามคำกล่าวแก้ การที่จำเลยนำสืบว่าโจทก์ขอร้องให้จำเลยทำสัญญา เพื่อลวงภรรยาโจทก์ว่า จำเลยได้กู้เงินโจทก์นั้น ความปรากฏว่าได้กระทำกันอย่างจริงจังถึงกับไปซื้อเครื่องแบบพิมพ์สัญญามาเขียนกรอกข้อความ มีทั้งผู้เขียนและพยานลงลายมือชื่อในเอกสารนั้น มีเครื่องยนต์จริง ๆ ให้ยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้ จำเลยให้การเป็นพยานตัวเอง ก็ยังกล่าวว่าทีแรกก็ไม่ยอมทำให้ เพราะโจทก์จะเอาไปฟ้องร้องในภายหลัง แต่เหตุใดจึงกลับยอมทำให้จากทำสัญญาแล้ว 1 เดือนจำเลยกล่าวว่าได้ทวงสัญญากู้คืนรับตอบว่าลืมเอามา เหตุใดจึงไม่พยายามทวงถามขอคืนอีกจนถูกฟ้องคดีนี้ จำนวนเงินกู้ก็มิใช่เล็กน้อย หลักฐานพยานฝ่ายจำเลยมีน้ำหนักจะเชื่อฟังตามที่จำเลยกล่าวแก้ ฝ่ายโจทก์มีทั้งพยานเอกสารและพยานบุคคลประกอบกัน ฟังได้ถนัดว่าได้มีการกู้เงินกันจริง ๆ ศาลพิพากษาต้องกันชอบแล้ว ให้ยกฎีกา พิพากษายืนให้จำเลยใช้ค่าทนายชั้นฎีกาแทนโจทก์อีก 100 บาท

Share