คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 507/2490

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้บังคับบัญชาสั่งให้จำเลยสืบจับผู้ลักเล่นการพนัน จำเลยจะจับใครย่อมอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลย เมื่อปรากฏว่า จำเลยแกล้งจับโจทก์ซึ่งมิได้เป็นผู้เล่นการพนัน จำเลยก็ต้องมีความผิดจะอ้างคำสั่งผู้บังคับบัญชามาเป็นข้อยกเว้นโทษไม่ได้
ตำรวจแกล้งจับคนโดยไม่มีความผิด โดยมีอาวุธไปด้วย ต้องลงโทษตามมาตรา 268 ซึ่งเป็นบทหนัก
ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยต่ำกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดถ้าโจทก์ไม่ฎีกา ศาลฎีกาไม่แก้กำหนดโทษ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยสมคบกันทำร้ายร่างกายโจทก์บาดเจ็บแล้วแกล้งจับโจทก์หาว่าลักเล่นการพนัน ทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพขอให้ลงโทษ จำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำผิด และว่าได้จับกุมโจทก์ตามหน้าที่อันชอบด้วยกฎหมาย

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายกระทงเดียวนอกนั้นยก

ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยจับโจทก์โดยไม่มีหมายจับและได้ไปจับในที่รโหฐานในเวลาค่ำคืน เป็นการผิดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ข้อที่ว่าไม่ได้แกล้งจับโจทก์หรือทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาไม่เป็นข้อแก้ตัวให้พ้นผิดไปได้ จึงให้ลงโทษฐานทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพอีกกระทงหนึ่ง จำเลยฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษฐานทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพว่าได้กระทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาควรได้รับยกเว้นอาญา

ศาลฎีกาเห็นว่า คดีปรากฏเพียงว่าผู้บังคับบัญชาสั่งให้จำเลยจับผู้เล่นการพนันที่หลบหนี ไม่ได้สั่งให้จับโจทก์ ใครเป็นผู้เล่นการพนันหรือไม่ จึงตกอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลย เมื่อจำเลยเป็นผู้จับโจทก์ซึ่งมิได้เป็นผู้เล่นการพนัน จำเลยจะอ้างคำสั่งมาเป็นข้อยกเว้นโทษหาได้ไม่ ฟ้องฎีกาของจำเลยจึงฟังไม่ได้ศาลอุทธรณ์ได้ปรับจำเลยต่ำกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้เป็นผลดีแก่จำเลยแล้ว ศาลฎีกาคงพิพากษายืน

Share