คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5054/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำแก้ฎีกาของจำเลยว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะไม่ได้สอบสวนในความผิดข้อหาที่ฟ้องมาก่อน หากฟังว่าจำเลยกระทำผิดก็ขอให้รอการลงโทษ เป็นการขอให้ศาลฎีกาพิพากษานอกเหนือจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ต้องกระทำโดยยื่นคำฟ้องฎีกา จะเพียงแต่ขอมาในคำแก้ฎีกาหาได้ไม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติพ.ศ. ๒๕๐๗ มาตรา ๔, ๖, ๙, ๑๔, ๓๑ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๗, ๒๖, ๗๕, ๗๖, ๑๐๒ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑
จำเลยให้การรับสารภาพฐานยึดถือ ครอบครอง ก่นสร้างแผ้วถางป่าสงวนแห่งชาติ ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเป็นมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ มาตรา ๑๔, ๓๑ จำคุก ๑ ปี รับสารภาพในฐานความผิดนี้ลดให้กึ่งหนึ่งจำคุก ๖ เดือนมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๗๕, ๗๖ ความผิดฐานมีกัญชาแห้งจำคุก ๒ ปี ฐานผลิตกัญชาจำคุก ๒ ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุกกระทงละ ๑ ปี ๔ เดือนรวม ๓ กระทง จำคุก ๓ ปี ๒ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ มาตรา ๓๑ วรรคแกรให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาผลิตและมียาเสพติดให้โทษกัญชาไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า พยานหลักฐานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยผลิตและมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต ส่วนที่จำเลยยื่นคำแก้ฎีกาว่า ข้อหาความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาตินั้น โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะไม่ได้สอบสวนในความผิดข้อหานี้มาก่อน หากฟังว่าจำเลยกระทำผิดข้อหานี้ก็ขอให้รอการลงโทษแก่จำเลยด้วย เห็นว่าคำแก้ฎีกาดังกล่าวของจำเลยเป็นการขอให้ศาลฎีกาพิพากษานอกเหนือจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ต้องกระทำโดยยื่นคำฟ้องฎีกาจะเพียงแต่ขอมาในคำแก้ฎีกาเช่นนี้หาได้ไม่ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายืน

Share