คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 505/2471

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาค้ำประกันยอดเงินที่ธนาคาร พ.ร.บ. ล้มละลาย ม. 52 ใช้สำหรับเจ้าหนี้ผู้ยึดถือทรัพย์ของผู้ล้มละลาย

ย่อยาว

ข้อเท็จจริงได้ความว่า พระปฏิบัติทำสัญญาจำนองรับประกันยอดเงินบัญชีไว้กับธนาคาร โจทก์ ๗๐๐๐๐ บาท สำหรับบริษัทสยามอิมปอร์ตใช้จ่ายต่อมาพระปฏิบัติถึงแก่กรรม จำเลยทั้ง ๒ ไปทำสัญญาประกันเพิ่มจำนวนเงินถึง ๑๐๐๐๐๐ บาท โดย จำเลยรู้แล้วว่าสยามอิมปอร์ตเปนลูกหนี้ โจทก์อยู่ ๖๐๓๕๓๐ กว่าบาท ใน สัญญาจำนองข้อ ๒ มีความว่า จำเลยยอมรับผิดต่อ โจทก์ในบรรดาหนี้สินที่บริษัทสยามอิมปอร์ตเปนหนี้ โจทก์ในเวลานั้นหรือจำนวนใด ๆ ที่จะเปนหนี้ต่อไปในภายหน้าจนถึงจำนวนที่จำกัดไว้ ( คือ ๑๐๐๐๐๐ บาท ) ภายหลังสยามอิมปอร์ตล้มละลาย โจทก์ขอพิศูจน์หนี้เปนจำนวนเงิน ๖๐๓๕๓๐ บาท แลได้รับชำระเพียง ๒๑๙๕๓๙ บาท ( ร้อยละ ๓๖.๓๘ บาท ) ยังคงเปนหนี้สยามอิมปอร์ต ๓๘๓๙๙๑ บาท โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยใช้เงินตาม สัญญาประกัน จำเลยต่อสู้ว่า ( ๑ ) โจทก์เปนเจ้าหนี้มีประกันควรปฏิบัติตาม พรบ ล้มละลาย ม. ๕๒ และ ( ๒ ) จำเลยมีสิทธิที่จะหักออกร้อยละ ๓๖.๓๘ บาท ซึ่ง โจทก์ได้รับไปแล้วที่กรมรักษาทรัพย์
ฎีกาตัดสินยืนตามศาลล่างทั้ง ๒ ให้ จำเลยใช้เงิน ๑๐๐๐๐๐ บาท ข้อเถียงของจำเลยข้อ ๑ นั้นใช้บังคับแก่ลูกหนี้ผู้ยึดถือทรัพย์ของผู้ล้มละลายแต่เรื่องนี้ทรัพย์ทีประกันนั้นเปนทรัพย์ส่วนตัวของพระปฏิบัติเพราะฉะนั้นจะใช้มาตรา ๕๒ มาบังคับคดีนี้ไม่ได้ ส่วนข้อเถียงข้อ ๒ นั้น เห็นว่าโจทก์ย่อมรับชำระหนี้มากที่สุดที่จะเปนได้ ก่อนที่จะเรียกให้ จำเลยปฏิบัติตามสัญญาค้ำประกัน จึงไม่มีปัญหาเรื่องใช้ก่อน แลในสัญญาก็ปรากฏขัดว่า จำเลยได้ยอมรับชำระหนี้สินทั้งหมด

Share