คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5048/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสองกับพวกนำโฉนด ที่ดินซึ่งทำปลอมขึ้นไปใช้แสดงหลอกลวงผู้เสียหายจนผู้เสียหายหลงเชื่อยอมให้จำเลยที่ 1 กู้ยืมเงิน300,000 บาท และรับเอาโฉนด ที่ดินปลอมดังกล่าวไว้เป็นประกัน ดังนี้ถือว่าจำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันใช้เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการปลอมประกอบในการแสดงข้อความอันเป็นเท็จเพื่อหลอกลวงให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าจำเลยเป็นเจ้าของที่ดิน โดยจำเลยทั้งสองกับพวกมีเจตนาจะให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้เสียหาย เมื่อจำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกระทำการดังกล่าวในวาระเดียวกัน จึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทตาม ป.อ. มาตรา 90.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและเพิ่มเติมฟ้องว่า จำเลยทั้งสองกับพวกได้ร่วมกันปลอมโฉนดที่ดิน 1 แปลงขึ้นทั้งฉบับ ใส่ชื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แล้วจำเลยกับพวกนำโฉนดที่ดินที่ทำปลอมนั้นไปใช้อ้างแสดงต่อผู้เสียหายเพื่อขอกู้เงิน ผู้เสียหายหลงเชื่อว่า จำเลยที่ 1เป็นเจ้าของที่ดินจริง ยอมให้จำเลยทั้งสองกับพวกกู้เงินไป 300,000บาท การกระทำของจำเลยกับพวกน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหายและประชาชน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 266, 268,341, 83, 90, 91 ริบของกลางและให้จำเลยคืนเงิน 300,000 บาทแก่ผู้เสียหาย
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264, 265, 268, 341, 83, 90, 91 ความผิดตามมาตรา 268ประกอบด้วยมาตรา 265 ลงโทษจำคุก 2 ปี ความผิดตามมาตรา 341 ลงโทษจำคุก 2 ปี รวมเป็นจำคุก 4 ปี จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268, 341, 83, 90, 91 ความผิดตามมาตรา 268ลงโทษจำคุก 2 ปี ความผิดตามมาตรา 341 ลงโทษจำคุก 2 ปี รวมจำคุก 4 ปีริบของกลาง ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือใช้เงิน 300,000 บาทแก่ผู้เสียหาย
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 และเป็นเหตุในลักษณะคดีให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามมาตรา 268 ประกอบมาตรา 266จำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 2 ปี จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1มีกำหนด 1 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2526 เวลาประมาณ 13 นาฬิกา นายประจบเปล่งสะอาด นำจำเลยทั้งสองกับนายจำรัส เข็มเวียน ไปขอกู้ยืมเงิน300,000 บาท จากผู้เสียหาย โดยนำโฉนดที่ดินซึ่งเป็นเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการที่ปลอมขึ้นไปใช้แสดงแก่ผู้เสียหายว่าเป็นโฉนดที่ดินที่แท้จริงและจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของที่ดินตามโฉนดดังกล่าว จำเลยทั้งสองกับนายจำรัสเอาบัตรประจำตัวประชาชนของแต่ละคนให้ผู้เสียหายดูดด้วย ผู้เสียหายหลงเชื่อตามข้อความที่จำเลยทั้งสองกับนายจำรัสหลอกลวงจึงยอมให้จำเลยที่ 1 กู้ยืมเงิน 300,000 บาทโดยทำสัญญากู้ยืมเงินกันไว้และรับเอาโฉนดที่ดินปลอมดังกล่าวไว้เป็นประกัน ดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันใช้เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการปลอมประกอบในการแสดงข้อความอันเป็นเท็จเพื่อหลอกลวงให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าจำเลยเป็นเจ้าของที่ดิน โดยจำเลยทั้งสองกับพวกมีเจตนาจะให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้เสียหาย และจำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันกระทำการดังกล่าวในวาระเดียวกัน เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้วฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share